เตียงกายภาพบำบัดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกฟิตเนสและบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย โดยมีหลายแบบขึ้นอยู่กับการใช้งานและเป้าหมายการใช้งาน แต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันตามลักษณะการใช้งานและประเภทของการบำบัด ดังนี้
-
เตียงกายภาพบำบัดแบบปกติ (Standard Physical Therapy Bed)
เป็นเตียงที่ใช้กันทั่วไปในการฝึกฟิตเนสและบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย เตียงที่นิยมใช้งานในประเทศไทยจะเป็นเตียงไม้กายภาพบำบัด (Wooden Physical Therapy Bed) เป็นเตียงที่ทำจากไม้และมีรูปทรงเป็นพิเศษเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานและการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย มีทั้งแบบเตียงสูง และเตียงเตี้ย โดยลักษณะของเตียงไม้กายภาพบำบัดมีลักษณะเดียวกับเตียงนวดไทย ซึ่งจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย
เตียงไม้กายภาพบำบัดมักถูกใช้ในการบำบัดฟื้นฟูของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดหรือการบริหารกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความแข็งแรง อีกทั้งยังมีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในคลินิกกายภาพบำบัดหรือสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด และราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเตียงกายภาพบำบัดแบบอื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น แต่ก็ยังคงมีความสำคัญและความช่วยเหลือในการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายอย่างมาก
-
เตียงพับกายภาพบำบัด (Folding Physical Therapy Bed)
เป็นเตียงที่มีลักษณะพับเก็บได้ ใช้ในการบำบัดโรคหรืออาการบาดเจ็บของผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือใช้ในการทำกายภาพบำบัดในที่สะดวกสบายในบ้านหรือที่ทำงานได้ตามต้องการ โดยเตียงประกอบด้วยโครงสร้างที่ทำจากโลหะ และมีผ้าหุ้มที่เหมาะสมในการนอนหรือนั่ง เตียงพับกายภาพบำบัดมีขนาดที่สามารถพับเก็บได้ในพื้นที่จำกัด ทำให้ง่ายต่อการเก็บรักษาหรือเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีช่วงเวลาว่างน้อยหรือมีพื้นที่จำกัดในการเก็บเครื่องอุปกรณ์การบำบัดโรค การใช้เตียงพับกายภาพบำบัดสามารถช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการบำบัดได้ง่ายและสะดวกขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วย
-
เตียงกายภาพบำบัดแบบไฟฟ้า (Electric Physical Therapy Bed)
เตียงไฟฟ้า กายภาพบำบัด คือเตียงที่มีการใช้ไฟฟ้าในการควบคุมการเคลื่อนไหวของเตียง เช่น การปรับความสูงของเตียง การยกหรือลดส่วนบนของเตียง และการปรับเอียงเตียงได้อย่างอิสระ
การใช้เตียงไฟฟ้าในกายภาพบำบัดมีความสะดวกและประสิทธิภาพสูง เนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้ป่วยได้ตามความต้องการของผู้บริหารการรักษาโรค และยังช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือในการเคลื่อนไหวหรือโดยสารยาสามารถหายใจได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะซีดหรือภาวะอ่อนแรงทางกายภาพ
เตียง 2 section คือเตียงที่มีส่วนแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนหัวและส่วนเท้า ซึ่งสามารถยกเพื่อปรับความลึกได้ตามต้องการ แต่ส่วนกลางของเตียงจะยังคงเดียวกัน ส่วนเสริมที่อยู่ใต้เตียงนั้นก็จะเป็นอุปกรณ์ช่วยสำหรับการเพิ่มความสูงหรือเพิ่มความนุ่มนวลให้กับเตียง เตียง 2 section มักถูกนำมาใช้ในงานที่ต้องการการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้นอนอยู่บ่อย
เตียง 3 section (3-section bed) เป็นเตียงที่มีการแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยประกอบด้วยส่วนหัวเตียง ส่วนเอวเตียง และส่วนขาเตียง ทำให้สามารถปรับแต่งตำแหน่งการนอนหรือการนั่งได้ตามความสะดวกของผู้ใช้ เช่น ปรับส่วนหัวเตียงสูงขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถนอนหรือนั่งได้สบายมากขึ้น ส่วนเอวเตียงสามารถปรับสูงหรือต่ำได้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนท่านอนหรือนั่งได้ตามความต้องการ ส่วนขาเตียงสามารถปรับความสูงได้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกขึ้นในการเข้าออกจากเตียง นอกจากนี้ เตียง 3 section ยังมีความคงทนและทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้มากโดยไม่เสียความมั่นคง นั่นทำให้เตียง 3 section เป็นที่นิยมใช้ในโรงพยาบาล หรือสถานที่ที่ต้องการเตียงที่สามารถปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
เตียง Bobath (Bobath bed) เป็นเตียงที่ใช้ในการบำบัดและฝึกหัดให้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านระบบประสาท โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการสมาธิสั้น การเคลื่อนไหวของส่วนล่างของร่างกายไม่สมบูรณ์ หรืออาจมีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหว เตียง Bobath มักมีขนาดใหญ่พิเศษ หน้ากว้าง 90, 100, 120 เซ็นติเมตร มีความสามารถในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้หลายแบบ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้ตามความสะดวก โดยมีรอยเขียนบนเตียงเป็นเส้นกราฟสีน้ำเงินและเขียว ช่วยให้ผู้ป่วยมีการควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น นอกจากนี้ เตียง Bobath ยังมีการเสริมส่วนของฝาหัวเตียงที่สามารถปรับความสูงได้ตามความต้องการของผู้ใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเหยียดตัวเตียงได้สูงขึ้นและทำการบำบัดได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เตียง Bobath ยังมีเสาที่ใช้ในการรักษาความสมดุลของร่างกายให้ผู้ป่วยได้ โดยเสาเหล่านี้สามารถปรับความสูงได้ตามความต้องการและสามารถถอดออกได้เพื่อใช้ในการฝึกหัดเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม