เครื่องอัลตร้าซาวด์ กายภาพบำบัด

May 18, 2025
Ultrasound กายภาพบำบัด Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

อัลตราซาวด์ในงานฟื้นฟู: หลักการ พลังงาน และข้อค้นพบทางคลินิก

อัลตราซาวด์ (Ultrasound หรือ US) เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางกายภาพบำบัดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น การจัดการพังผืด (scar tissue), บรรเทาอาการปวดจากการบาดเจ็บของระบบกล้ามเนื้อและกระดูก และส่งเสริมการฟื้นฟูของเส้นเอ็น (tendinopathies)

งานวิจัยในสัตว์ทดลองจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าอัลตราซาวด์สามารถส่งผลเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อ ลดอาการอักเสบ และบรรเทาอาการปวดได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาทางคลินิกกับมนุษย์ ผลลัพธ์ยังไม่สอดคล้องกันเสมอไป แม้จะมีหลักฐานในระดับปานกลางที่สนับสนุนบางเทคนิคและข้อบ่งชี้ทางคลินิก

ในบทความนี้ เราจะพาผู้อ่านทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของอัลตราซาวด์ เช่น

  • พลังงานเสียง (Acoustic energy)

  • การถ่ายเทและดูดกลืนพลังงานในเนื้อเยื่อ

  • การนำไปใช้ทางคลินิก

  • ข้อควรระวังด้านความปลอดภัย

รวมถึงการเน้นย้ำความจำเป็นของงานวิจัยที่ออกแบบดี เพื่อกำหนดว่าใครคือกลุ่มผู้ป่วยที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด และควรใช้ขนาดพลังงานเท่าใดเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบำบัดจริง เช่น การเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว (ROM) หรือการลดปวด


🔊 หลักการของพลังงานเสียง (Acoustic Energy)

อัลตราซาวด์คืออะไร?
อัลตราซาวด์เป็นพลังงานเชิงกล (mechanical energy) หรือที่เรียกว่าพลังงานเสียง (sound energy) ซึ่งต่างจากพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น แสงหรือคลื่นวิทยุที่เดินทางได้แม้ในสุญญากาศ พลังงานเสียงจำเป็นต้องอาศัย “ตัวกลาง” เช่น เจลนำคลื่น เพื่อถ่ายเทพลังงานเข้าสู่ร่างกาย

กลไกการถ่ายพลังงาน
เมื่อคลื่นเสียงเข้าสู่เนื้อเยื่อ มันจะกระตุ้นให้โมเลกุลในเนื้อเยื่อเกิดการสั่นสะเทือน โมเลกุลหนึ่งจะชนอีกโมเลกุลหนึ่ง ทำให้เกิดการถ่ายทอดพลังงานต่อเนื่องเหมือนลูกโซ่ จนพลังงานถูกดูดซึมโดยเนื้อเยื่อ (energy dissipation)

ยิ่งโมเลกุลอยู่ใกล้กันมาก (เนื้อเยื่อหนาแน่น เช่น เอ็นหรือกระดูก) คลื่นเสียงจะเดินทางเร็วขึ้น แต่ก็จะสูญเสียพลังงานเร็วขึ้นเช่นกัน เนื่องจากต้องเอาชนะแรงต้านที่มากขึ้น


📏 ความถี่ของคลื่นเสียง

  • ความถี่ (frequency) หมายถึง จำนวนรอบของการสั่นในหนึ่งวินาที วัดเป็นเฮิรตซ์ (Hz)

    • 1 MHz = 1,000,000 รอบ/วินาที

    • คลื่นเสียงที่มนุษย์ได้ยินอยู่ในช่วง 16–20,000 Hz

    • อัลตราซาวด์ คือคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงกว่า 20,000 Hz


🔦 รูปแบบการกระจายของคลื่น

  • คลื่นเสียงที่มีความถี่ต่ำจะกระจายกว้างในทุกทิศทาง คล้ายแสงจากเทียน

  • คลื่นความถี่สูงจะพุ่งเป็นลำแคบ (collimated) คล้ายแสงจากไฟฉาย

เครื่องอัลตราซาวด์ทางการแพทย์จึงผลิตคลื่นเสียงที่พุ่งตรงเป็นลำทรงกระบอก ซึ่งช่วยให้โฟกัสพลังงานไปยังเป้าหมายในร่างกายได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

Piezoelectricity
กายภาพบำบัด Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การสร้างคลื่นอัลตราซาวด์ (Production of Ultrasound Waves)

การสร้างคลื่นอัลตราซาวด์ที่ใช้ในทางกายภาพบำบัดมีพื้นฐานจากฟิสิกส์ของคลื่นเสียง ซึ่งเดินทางผ่านเนื้อเยื่อในรูปแบบของคลื่นไซน์ (sinusoidal waves) โดยเกิดจากการสลับกันของเฟสที่มีแรงดันสูง (positive pressure) และแรงดันต่ำ (negative pressure)

🔄 คลื่นเสียงคืออะไร?

คลื่นเสียงเป็นคลื่นเชิงกล (mechanical wave) ซึ่งต้องอาศัยตัวกลาง เช่น ของเหลวหรือเนื้อเยื่อในการเคลื่อนที่ ต่างจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถเดินทางในสุญญากาศได้

เมื่อคลื่นเสียงเคลื่อนที่ มันจะทำให้โมเลกุลในเนื้อเยื่อเกิดการ บีบอัด (compression) และ กระจายตัว (rarefaction) สลับกันเป็นจังหวะตลอดแนวคลื่น

  • บริเวณที่โมเลกุลถูกอัดแน่นเรียกว่า condensation (หรือ compression zone)

  • บริเวณที่โมเลกุลห่างกันมากขึ้นเรียกว่า rarefaction

คลื่นเหล่านี้กระจายตัวเป็นระลอกๆ ผ่านเนื้อเยื่อ และพลังงานของคลื่นจะค่อยๆ ถูกดูดซึมระหว่างการเดินทาง

⚡ Piezoelectric Effect: กลไกหลักของหัวอัลตราซาวด์

ในเครื่องอัลตราซาวด์ คลื่นเสียงไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่สร้างขึ้นโดยใช้ ผลึกเพียโซอิเล็กทริก (piezoelectric crystal) ซึ่งอยู่ภายในหัวอุปกรณ์ (transducer)
ผลึกนี้มีคุณสมบัติพิเศษ:

  • เมื่อถูก บีบอัดหรือขยายตัวทางกล → จะเกิดแรงดันไฟฟ้า

  • เมื่อ จ่ายไฟฟ้าให้ผลึก → จะเกิดการบีบอัดหรือขยายตัวของผลึก

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Reverse Piezoelectric Effect”
ในทางปฏิบัติ เครื่องจะส่ง กระแสไฟฟ้าสลับความถี่สูง (high-frequency alternating current) เข้าไปที่ผลึก ซึ่งจะทำให้มันสั่นในจังหวะที่เร็วมาก เกิดเป็นแรงดันเสียงที่ส่งออกมาสม่ำเสมอและควบคุมได้


📏 ความถี่และความยาวคลื่น: ปรับคุณสมบัติของคลื่นให้เหมาะกับการรักษา

การสั่นของผลึกจะสร้างคลื่นเสียงตามความถี่ของกระแสไฟฟ้าที่จ่ายเข้าไป ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ ความยาวคลื่น (wavelength) และ ความสามารถในการเจาะลึกของคลื่นเสียงในร่างกาย

  • ความถี่ (Frequency) หมายถึงจำนวนรอบการสั่นต่อวินาที วัดเป็นเฮิรตซ์ (Hz)

    • 1 MHz = 1,000,000 รอบ/วินาที

  • ความยาวคลื่น (Wavelength) คือระยะห่างระหว่างจุดยอดคลื่น (peak) 2 จุดติดกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างความถี่ ความยาวคลื่น และความเร็วในการเดินทางของคลื่น แสดงได้โดยสมการ:

Velocity=Frequency×Wavelength\text{Velocity} = \text{Frequency} \times \text{Wavelength}

ในเนื้อเยื่อมนุษย์ คลื่นที่มีความถี่สูง (เช่น 3 MHz) จะมีความยาวคลื่นสั้นและดูดซึมได้ตื้น (~1–2 ซม.)
ขณะที่ความถี่ต่ำ (เช่น 1 MHz) จะทะลุได้ลึกกว่า (~5 ซม.) เหมาะกับกล้ามเนื้อมัดใหญ่หรือเนื้อเยื่อชั้นลึก

กายภาพบำบัด 1 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

“อัลตราซาวนด์แบบคลื่นต่อเนื่องและแบบพัลส์ ค่า duty cycle ของโหมดพัลส์ที่แสดงคือ 2 มิลลิวินาที / 4 มิลลิวินาที = 0.5 หรือ 50%”

คุณลักษณะของคลื่นอัลตราซาวด์ (Characteristics of the Ultrasound Wave)

คลื่นอัลตราซาวด์ที่ใช้เพื่อการรักษาทางกายภาพบำบัดมีคุณลักษณะหลัก 3 ประการ ได้แก่ ความถี่ (Frequency), โหมดการส่งคลื่น (Mode) และ ความเข้มของคลื่น (Intensity) โดยแต่ละคุณลักษณะมีผลต่อผลลัพธ์ทางชีวภาพที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อ


📡 ความถี่ (Frequency): 1 MHz และ 3 MHz

ความถี่ของคลื่นอัลตราซาวด์วัดเป็นหน่วยเมกะเฮิรตซ์ (MHz) ซึ่งหมายถึงล้านรอบต่อวินาที โดยเครื่องอัลตราซาวด์ในคลินิกมักเป็นเครื่องแบบสองความถี่ (dual-frequency) ที่ให้ผู้ใช้งานเลือกได้ระหว่าง

  • 1 MHz (ความถี่ต่ำ)

  • 3 MHz หรือ 3.3 MHz (ความถี่สูง)

หลักการเลือกใช้:

  • 3 MHz: เหมาะกับเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกไม่เกิน 1–2 ซม. จากผิว เช่น กล้ามเนื้อชั้นตื้น

  • 1 MHz: เหมาะกับการรักษาเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกกว่า 2 ซม. เช่น กล้ามเนื้อลึก, เอ็นบริเวณต้นขา

ความถี่สูง → แรงต้านโมเลกุลมากขึ้น → พลังงานดูดซึมที่ผิวมากกว่า → ไม่ลงลึก
ความถี่ต่ำ → คลื่นเดินทางได้ลึกกว่า แต่กระจายตัวมากกว่า

🌊 โหมดการส่งคลื่น (Mode): Continuous vs Pulsed

คลื่นอัลตราซาวด์สามารถส่งออกได้ 2 รูปแบบหลัก:

  • Continuous Mode: ส่งพลังงานต่อเนื่องโดยไม่มีช่วงพัก

  • Pulsed Mode: ส่งพลังงานเป็นช่วงๆ (on-off) สลับกันในระดับมิลลิวินาที (msec)

ในโหมด Pulsed จะมีพารามิเตอร์สำคัญที่เรียกว่า Duty Cycle หรือ รอบหน้าที่ ซึ่งแสดงอัตราส่วนของช่วงเวลาที่พลังงานถูกส่งออกเทียบกับเวลารวมของ 1 รอบคลื่น เช่น

Duty Cycle=Time OnTime On + Time Off\text{Duty Cycle} = \frac{\text{Time On}}{\text{Time On + Time Off}}

ตัวอย่างการใช้งาน:

  • Continuous Mode → ใช้เพื่อการเพิ่มอุณหภูมิเนื้อเยื่อ (thermal effect)

  • Pulsed Mode 20% → ใช้เพื่อผลกระทบเชิงกลโดยไม่ทำให้ร้อน (nonthermal effect)

  • Pulsed Mode 50% → ให้ความร้อนเล็กน้อย และยังส่งผลทางกลได้ดี เช่น กระตุ้นการเคลื่อนที่ของไอออนผ่านเยื่อหุ้มเซลล์

เครื่องอัลตราซาวด์ทั่วไปให้เลือก Duty Cycle ได้ตั้งแต่ 5% ถึง 50% โดยการวิจัยทางคลินิกส่วนใหญ่มักใช้ 20% หรือ 50%


🔥 ความเข้มของคลื่น (Intensity): วัดเป็น W/cm²

ความเข้มของคลื่นเสียง หมายถึงปริมาณพลังงานที่ส่งออกจากหัวอัลตราซาวด์ วัดเป็นวัตต์ต่อตารางเซนติเมตร (W/cm²) โดยขึ้นกับพลังงานของผลึกเพียโซอิเล็กทริกและลักษณะการสั่นของมัน

🔸 พื้นที่แผ่รังสีที่มีผลจริง (Effective Radiating Area: ERA)

  • เป็นพื้นที่ของหัวอุปกรณ์ที่คลื่นอัลตราซาวด์ถูกปล่อยออกจริง

  • มักมีขนาดเล็กกว่าหน้าตัดของหัวเครื่อง

  • ขึ้นกับขนาดและคุณสมบัติของผลึกภายในหัวอุปกรณ์

🔸 ความเข้มสูงสุดเชิงตำแหน่ง (Spatial Peak Intensity: ISP)

  • คือบริเวณที่พลังงานสูงสุดภายในลำคลื่น มักอยู่ตรงกลางของ ERA

🔸 ความเข้มเฉลี่ยเชิงตำแหน่ง (Spatial Average Intensity: ISA)

  • คือค่าพลังงานเฉลี่ยที่แพทย์หรือผู้ใช้เห็นบนหน้าจอเครื่อง

  • ใช้ในทางคลินิกเพื่อประเมิน “ความเข้มของการรักษา”

🔸 อัตราความไม่สม่ำเสมอของลำคลื่น (Beam Non-uniformity Ratio: BNR)

  • เป็นอัตราส่วนระหว่าง ISP กับ ISA

  • ยิ่งค่า BNR ต่ำ (เช่น ≤ 6:1) → ลำคลื่นเรียบสม่ำเสมอ → ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากจุดร้อน (hot spots)

  • อุปกรณ์ที่มี BNR ต่ำมักผลิตยากและมีราคาสูงกว่า


🧮 คำนวณความเข้มในโหมด Pulsed: ISATA และ ISATP

ในโหมด Pulsed ค่าความเข้มจำเป็นต้องพิจารณาควบคู่กับ Duty Cycle โดยมีหน่วยวัดเพิ่มเติม:

  • ISATP: Spatial Average Temporal Peak Intensity = ความเข้มเฉลี่ยในช่วงที่เปิดคลื่น

  • ISATA: Spatial Average Temporal Average Intensity = ค่าความเข้มเฉลี่ยตลอดเวลา รวมช่วงพักด้วย

    ISATA=ISATP×Duty Cycle\text{ISATA} = \text{ISATP} \times \text{Duty Cycle}

ตัวอย่าง:
หากใช้พลังงาน 2.0 W/cm² กับ Duty Cycle 20% →

ISATA=2.0×0.20=0.4 W/cm2\text{ISATA} = 2.0 \times 0.20 = 0.4\ \text{W/cm}^2

ในทางปฏิบัติ คลินิกส่วนใหญ่มักระบุเพียงค่าความเข้มเฉลี่ย (ISA) และ Duty Cycle แยกกันมากกว่าจะใช้ ISATA
แต่การใช้ ISATA มีประโยชน์ในการเปรียบเทียบพลังงานที่ได้รับจริงระหว่างโหมด Continuous และ Pulsed เช่น:

  • Continuous: 0.5 W/cm²

  • Pulsed 50% @ 1.0 W/cm² → ISATA = 0.5 W/cm²
    → ได้พลังงานสุทธิเท่ากัน แม้การกระจายของพลังงานจะต่างกัน

กายภาพบำบัด 2 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

ปฏิกิริยาของคลื่นอัลตราซาวด์กับเนื้อเยื่อชีวภาพ (Ultrasound Interaction With Biological Tissues)

คลื่นอัลตราซาวด์เป็นคลื่นเสียงที่ต้องใช้ตัวกลางในการแพร่กระจาย โดยมีรูปแบบของการสั่นสะเทือนแตกต่างกันในแต่ละสภาพของตัวกลาง:

  • ในของเหลวและก๊าซ: การสั่นของโมเลกุลเกิดขึ้นในแนวขนานกับทิศทางการเดินทางของพลังงาน (longitudinal wave)

  • ในของแข็ง: โมเลกุลสามารถสั่นในแนวตั้งฉากกับทิศทางการเดินทางได้ด้วย (transverse wave) เนื่องจากพันธะสามมิติที่แน่นหนาในของแข็ง

 

คลื่นเสียงกับขอบเขตเนื้อเยื่อ: การสะท้อน, หักเห และการดูดซึม

คลื่นอัลตราซาวด์สามารถเกิด:

  • การถ่ายเท (transmission)

  • การดูดซึม (absorption)

  • การสะท้อน (reflection)

  • การหักเห (refraction)

สิ่งที่จะเกิดขึ้นขึ้นอยู่กับ:

  • คุณสมบัติของเนื้อเยื่อ เช่น ความหนาแน่น, โครงสร้างโมเลกุล

  • มุมที่คลื่นกระทบกับเนื้อเยื่อ เช่น ตั้งฉาก หรือเฉียง

🧱 Acoustic Impedance (อิมพีแดนซ์เสียง)

คือ “ความต้านทานของวัสดุต่อการเดินทางของเสียง”

  • วัสดุที่มี impedance ต่ำ (เช่น เลือด, น้ำเหลือง) → คลื่นเดินทางผ่านง่าย

  • วัสดุที่มี impedance สูง (เช่น กระดูก) → ดูดซึมพลังงานมาก, สะท้อนกลับมาก

เมื่อคลื่นอัลตราซาวด์ผ่านขอบเขตระหว่างเนื้อเยื่อต่างชนิดกัน (เช่น กล้ามเนื้อกับกระดูก) การสะท้อนจะสูงกว่าการผ่านจากไขมันไปยังก้ามเนื้อ เพราะความต่างของ impedance มากกว่า


🔁 Standing Wave: คลื่นสะท้อนย้อนกลับและเสริมแรงกัน

หากหัวอัลตราซาวด์หยุดนิ่ง และคลื่นสะท้อนย้อนกลับจากขอบเขตเนื้อเยื่อมาเจอกับคลื่นใหม่ที่กำลังเดินหน้าในทิศตรงข้าม และทั้งสองคลื่น “เข้าจังหวะกัน” (in-phase) จะเกิดปรากฏการณ์ คลื่นนิ่ง (standing wave) ทำให้บางบริเวณมีพลังงานสะสมสูงผิดปกติ → อาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ

การเคลื่อนหัวอัลตราซาวด์อย่างต่อเนื่องระหว่างรักษาจะช่วย ลดโอกาสเกิด standing wave


🔃 Refraction: การหักเหของคลื่นเมื่อเปลี่ยนตัวกลาง

เมื่อคลื่นเดินทางจากเนื้อเยื่อหนึ่งไปอีกชนิดหนึ่งที่มีความหนาแน่นต่างกัน มุมของคลื่นจะเปลี่ยนไป เรียกว่า การหักเห (refraction) โดยเฉพาะถ้าคลื่นกระทบในมุมเอียงมากกว่า 15° คลื่นอาจเดินทางขนานไปกับผิวหนัง แทนที่จะเข้าสู่เนื้อเยื่อ


🧪 ปัจจัยที่มีผลต่อการดูดซึมพลังงานของคลื่น (Factors Influencing Energy Absorption)

เมื่อคลื่นอัลตราซาวด์เคลื่อนผ่านเนื้อเยื่อ พลังงานบางส่วนจะ:

  • ถูกดูดซึม (กลายเป็นพลังงานสั่นของโมเลกุล)

  • สะท้อน

  • หักเห

  • หรือเดินทางต่อไป

กระบวนการนี้เรียกรวมว่า การลดทอนพลังงาน (attenuation)
โดยวัดจากปริมาณพลังงานที่ลดลงเมื่อคลื่นเดินทางผ่านเนื้อเยื่อ

เนื้อเยื่อที่มี ความหนาแน่นสูง และมีโปรตีนโดยเฉพาะ คอลลาเจน มาก (เช่น เส้นเอ็น, เอ็นข้อต่อ) จะดูดซึมพลังงานได้มากที่สุด


🔍 ความถี่มีผลต่อระดับความลึกที่คลื่นลงถึง

แม้ว่าจะมีแนวทางทั่วไปว่า

  • 3 MHz → ใช้กับเนื้อเยื่อตื้น (~1–2 ซม.)

  • 1 MHz → ใช้กับเนื้อเยื่อลึก (>2 ซม.)

แต่การศึกษาหลายชิ้นพบว่า 1 MHz ก็สามารถส่งผลต่อเนื้อเยื่อตื้น ได้ และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในเนื้อเยื่อไม่ได้สอดคล้องเป๊ะกับระดับความถี่เสมอไป เพราะเนื้อเยื่อที่อยู่ห่างจากจุดดูดซึมพลังงานมากที่สุดก็อาจได้รับความร้อนผ่าน การนำความร้อน (conduction) เช่นกัน


💥 ความเข้มของคลื่นและโครงสร้างเนื้อเยื่อที่คลื่นเดินทางผ่าน

ยิ่งความเข้มของคลื่นเริ่มต้นมาก → ยิ่งมีโอกาสที่พลังงานสุทธิจะไปถึงเนื้อเยื่อเป้าหมายได้มากขึ้น (แม้ต้องผ่านเนื้อเยื่อชั้นอื่นที่สะท้อน/ดูดซึมบางส่วน)

สิ่งที่มีผลต่อการดูดซึม ได้แก่:

  • จำนวนชั้นและชนิดของเนื้อเยื่อที่คลื่นต้องผ่าน

  • องค์ประกอบของเนื้อเยื่อเป้าหมาย เช่น มีคอลลาเจนหรือไม่

  • ความเข้มเริ่มต้นของคลื่น

  • ความถี่ของคลื่น


⚠️ ตัวกลางนำคลื่น: ไม่มีเจล = ไม่มีการถ่ายพลังงาน

คลื่นอัลตราซาวด์ ไม่สามารถเดินทางผ่านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • หากไม่มี เจลนำคลื่น ระหว่างหัวอุปกรณ์กับผิวหนัง → พลังงานเกือบทั้งหมดสะท้อนกลับ

  • ตัวกลางต้อง ไม่มีฟองอากาศ และแนบแน่นกับผิวเพื่อให้พลังงานส่งเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และมุมของหัวอุปกรณ์ควรตั้ง ฉาก (90°) กับพื้นผิวเป้าหมาย เพราะหากเอียงเกิน 15° พลังงานจะ “เลี้ยว” ไปตามผิว แทนที่จะเข้าสู่เนื้อเยื่อ

ultrasound wave Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

ผลของอัลตราซาวด์: พื้นฐานสู่การใช้งานเพื่อการรักษา (Effects of Ultrasound as a Basis for Therapeutic Use)

อัลตราซาวด์ถูกใช้ในกายภาพบำบัดไม่เพียงแค่เพื่อสร้างความร้อนในเนื้อเยื่อเท่านั้น แต่ยังให้ผลทางกล (mechanical) ที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์และโครงสร้างเนื้อเยื่ออีกด้วย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น ผลจากความร้อน (thermal effects) และ ผลที่ไม่ใช่ความร้อน (nonthermal or mechanical effects) ดังนี้:

Thermal Effects: การเพิ่มอุณหภูมิของเนื้อเยื่อเพื่อผลทางกายภาพ

เมื่อคลื่นอัลตราซาวด์ถูกดูดซึมโดยเนื้อเยื่อ พลังงานเชิงกลจะเปลี่ยนเป็น พลังงานจลน์ (kinetic energy) และทำให้เกิด แรงเสียดทานระหว่างโมเลกุล → ผลลัพธ์คือความร้อน

การเพิ่มอุณหภูมินี้สัมพันธ์กับผลทางสรีรวิทยาที่เป็นประโยชน์ เช่น:

  • ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ (muscle guarding)

  • ลดการรับรู้ความเจ็บปวด (pain perception)

  • เพิ่มการยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ (tissue extensibility)

  • เพิ่มการไหลเวียนเลือด

Lehman et al. รายงานว่า:

  • เพิ่มอุณหภูมิ 1°C → เพิ่มอัตราการเผาผลาญ (metabolism)

  • เพิ่ม 2–3°C → ลดอาการเกร็งกล้ามเนื้อ + เพิ่มการไหลเวียน

  • เพิ่ม ≥4°C → เพิ่มความยืดหยุ่นของคอลลาเจน + ลดการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก


💧 Mechanical Effects: ผลทางชีวกลที่ไม่เกี่ยวกับความร้อน

แม้ไม่มีการเพิ่มอุณหภูมิอย่างชัดเจน อัลตราซาวด์ยังสามารถสร้าง ผลกระทบระดับเซลล์ ได้ผ่านกลไกเชิงกล เช่น:

🔁 Microstreaming

  • การเคลื่อนที่เล็กๆ ของไอออนและของเหลวรอบเซลล์

  • อาจทำให้ เยื่อหุ้มเซลล์เปลี่ยนแปลง ความสามารถในการซึมผ่านและกระตุ้นกิจกรรมของเซลล์

🌫️ Cavitation

  • การสั่นของ ฟองแก๊สขนาดเล็ก ในของเหลวของร่างกาย

  • Stable cavitation → เกิดการขยาย-หดของฟองแบบปลอดภัย (มีผลเชิงบำบัด)

  • Unstable cavitation → ฟองยุบตัวรุนแรง อาจทำลายเนื้อเยื่อ (ไม่เกิดในการรักษาปกติ)

Pulsed ultrasound ถูกใช้เพื่อเน้นผล nonthermal เหล่านี้ โดยเฉพาะ acoustic streaming และ stable cavitation


💪 ผลต่อกล้ามเนื้อ (Muscular Effects)

Draper et al. ศึกษาการเพิ่มอุณหภูมิของกล้ามเนื้อ triceps surae ในคนสุขภาพดี:

  • 3 MHz @ 2.0 W/cm² → เพิ่มอุณหภูมิกล้ามเนื้อชั้นตื้นขึ้น 4°C ใน 2.5 นาที

  • 1 MHz @ 2.0 W/cm² → ใช้เวลา 10 นาที จึงเพิ่มอุณหภูมิได้เท่ากันในกล้ามเนื้อชั้นลึก

  • 1 MHz @ 0.5 W/cm² → ไม่สามารถเพิ่มอุณหภูมิ >1°C ได้แม้ใช้เวลา 10 นาที

🟡 สรุป: ต้องใช้ เวลานานขึ้น + ความเข้มสูงกว่า ในการเพิ่มอุณหภูมิของเนื้อเยื่อลึก โดยเฉพาะเมื่อใช้คลื่นความถี่ต่ำอย่าง 1 MHz


🧵 ผลต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (เช่น เส้นเอ็น/เอ็นข้อต่อ)

เส้นเอ็นมี คอลลาเจนสูง + เส้นเลือดน้อย → ดูดซึมพลังงานได้มากกว่า → ร้อนเร็วกว่าเนื้อเยื่ออื่น เช่น กล้ามเนื้อ

Chan et al. รายงาน:

  • ใช้ 3 MHz @ 1.0 W/cm² นาน 4 นาที บนเอ็นสะบ้า (patellar tendon)

  • หากพื้นที่รักษา = 2 เท่า ERA → อุณหภูมิเอ็นเพิ่ม 8°C, คงอยู่ 20 นาที

  • ถ้าใช้พื้นที่ 4 เท่า ERA → เพิ่ม 5°C, อยู่ได้ 15 นาที

🔑 หากต้องการ ยืดเนื้อเยื่อขณะอุ่น → ควร ยืดทันทีหลังจบอัลตราซาวด์ หรือระหว่างการรักษา ภายใน “therapeutic window” ที่อุณหภูมิ ≥4°C


🦵 ผลต่ออาการปวดข้อ (Joint Pain)

การใช้อัลตราซาวด์แบบ ต่อเนื่อง (1 MHz @ 1.0 W/cm² นาน 5 นาที) ช่วยลดอาการปวดเข่าในผู้ป่วยข้อเสื่อมได้ดีกว่ากลุ่มที่ได้รับการรักษาหลอก (sham ultrasound) ในการศึกษาที่ควบคุมแบบสุ่ม (RCT)


🩸 ผลต่อการไหลเวียนโลหิต (Hemodynamic Effects)

🔥 กลไก:

การเพิ่มอุณหภูมิของเนื้อเยื่อ → ทำให้เกิดการ ขยายหลอดเลือด (vasodilation) และเพิ่มการไหลเวียน เพื่อระบายความร้อน

📊 งานวิจัยให้ผลผสมผสาน:

Robinson & Buono:

  • ใช้ 1 MHz @ 1.5 W/cm² นาน 5 นาที → ไม่มีผลต่อการไหลเวียนของแขน

  • พื้นที่รักษาใหญ่เกินไป (16–25 เท่า ERA) → ไม่ร้อนเพียงพอ

Fabrizio et al.:

  • ใช้ขนาดพื้นที่เล็กลง (2 เท่า ERA) → พบว่า การไหลเวียนที่หลอดเลือด popliteal เพิ่มขึ้น

  • คาดว่าอุณหภูมิกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ~1–1.75°C

⚠️ 3 MHz ไม่สามารถเพิ่มการไหลเวียนเลือดได้ชัดเจน


⚡ Nonthermal Mechanisms ในระบบหลอดเลือด:

  • Reflex vasodilation จากการกระตุ้นปมประสาทซิมพาเทติกบริเวณหลัง

  • การเปลี่ยนแปลง permeability ของเยื่อหุ้มเซลล์ → กระตุ้นการหลั่งฮีสตามีนและเปลี่ยนโทนของหลอดเลือด

การไหลเวียนเลือดเพิ่มสูงสุด ภายใน 5 นาทีของการรักษา และ กลับสู่ baseline ภายใน 1 นาที หลังหยุด

img34n176t210 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การนำกระแสของเส้นประสาทมอเตอร์ (Motor Nerve Conduction Velocity: MNCV)

การเปลี่ยนแปลงของ MNCV เมื่อได้รับอัลตราซาวด์มีรายงานทั้ง เพิ่มขึ้น, ลดลง หรือ ไม่เปลี่ยนแปลง ขึ้นกับ ความเข้มของคลื่น, ระยะเวลาในการรักษา, และลักษณะของการทดลอง

  • Zankel รายงานว่า อัลตราซาวด์ที่ 1 MHz, 1.0 W/cm² นาน 5 นาที ที่ปลายแขน (volar forearm) ไม่เปลี่ยนแปลง MNCV ของเส้นประสาทอัลนาร์
    → แต่เมื่อเพิ่มความเข้มเป็น 2.0 W/cm² หรือเพิ่มเวลารักษาเป็น 10 นาที → MNCV ลดลง

  • Farmer รายงานว่า ความเข้มระหว่าง 1.0–2.0 W/cm² ทำให้ MNCV ลดลง แต่ถ้าใช้ความเข้มสูงกว่านี้ → MNCV เพิ่มขึ้น

📈 การนำกระแสของเส้นประสาทรับความรู้สึก (Sensory Nerve Conduction Velocity: SNCV)

  • Currier et al.: ใช้ 1 MHz @ 1.5 W/cm² นาน 5 นาที → SNCV ของสาขา lateral cutaneous ของ radial nerve เพิ่มขึ้น

  • Halle et al.: ใช้ 1 MHz @ 1.0 W/cm² นาน 5–20 นาที → SNCV ของ radial nerve ผิวเผิน เพิ่มขึ้น เช่นกัน

ทั้งสองงานพบว่า อุณหภูมิใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่า thermal dose อาจมีบทบาทต่อ SNCV
แต่ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าการเปลี่ยนแปลง SNCV เกิดจาก ความร้อนเพียงอย่างเดียว หรือมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย

❗ ความสัมพันธ์ระหว่าง SNCV/MNCV กับ “ความรู้สึกปวด” ยังไม่ชัดเจน

  • Lehmann et al. พบว่า อัลตราซาวด์ที่ 0.8 MHz @ 1.5 W/cm² เพิ่ม pain threshold (ลดความไวต่อความเจ็บปวด)

  • แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนความรู้สึกเจ็บ อาจไม่ได้เกิดจากผลต่อเนื้อเยื่อประสาทเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงผลจาก การเปลี่ยนแปลงหลอดเลือดและอุณหภูมิในพื้นที่รักษา


🧬 ผลหลังบาดเจ็บ: การอักเสบและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ (Posttraumatic Effects)

🧪 หลักฐานจากงานวิจัยในห้องทดลอง (In Vitro Research)

อัลตราซาวด์สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับ การอักเสบเฉียบพลันและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

  • Harvey et al.: ใช้ 3 MHz @ 0.5–2.0 W/cm² → เพิ่มการสร้างโปรตีนใน fibroblasts มนุษย์ที่เพาะเลี้ยง

  • Ramirez et al.: ใช้ 1 MHz @ 0.4 W/cm² → กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน และการเพิ่มจำนวน fibroblasts

  • Young & Dyson: ใช้ 0.75 หรือ 3 MHz @ 0.5 W/cm² → กระตุ้น macrophages ให้หลั่งสารที่เพิ่มการแบ่งตัวของ fibroblast

  • Mortimer & Dyson: ใช้ 1 MHz, 20% duty cycle, 0.5–1.0 W/cm² → เพิ่มการดูดแคลเซียมใน fibroblasts (แสดงถึงกิจกรรมเซลล์ที่สูงขึ้น)


🩹 การหายของแผล (Wound Healing)

📊 งานวิจัยในสัตว์:

  • Young & Dyson: ใช้ 0.1 W/cm² นาน 5–7 วันต่อเนื่อง → แผลผิวหนังของหนูมีการสร้างหลอดเลือดใหม่มากกว่า sham-treated

  • Byl et al.: ใช้ 1 MHz, 20% duty cycle, 0.5 W/cm² (3 วัน) → ตามด้วย 1.5 W/cm² (2 วัน) → แผลในหมูหายเร็วกว่า:

    • มีแผลเล็กลง

    • เพิ่มคอลลาเจน

    • เพิ่มความแข็งแรง

    • เพิ่ม mast cell degranulation

  • Dose ต่ำกว่า (0.5 W/cm²) ได้ผลดีกว่า 1.5 W/cm² สำหรับการสะสมคอลลาเจนและเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ

📉 งานวิจัยในมนุษย์:

  • การทดลองในผู้ป่วยแผลเรื้อรัง (เช่น pressure ulcers, venous ulcers) ให้ผลไม่ชัดเจน

  • การวิเคราะห์เชิงระบบ (systematic review) และ meta-analysis พบเพียง ผลเล็กน้อยต่ออัตราการหายของแผล

  • ไม่พบความแตกต่างชัดเจนในจำนวนแผลที่หายสนิท

🔎 ความขัดแย้งนี้อาจเกิดจากลักษณะแผลไม่เหมือนกัน:

  • แผลในสัตว์ = แผลที่เกิดจากผ่าตัดในเนื้อเยื่อปกติ

  • แผลเรื้อรังในคน = เนื้อเยื่อขาดเลือดแบบเรื้อรัง → ไม่ตอบสนองต่อกระบวนการอักเสบตามปกติ


💪 การฟื้นฟูกล้ามเนื้อและอาการฟกช้ำ (Muscle Healing and Contusions)

🧬 จากแบบจำลองสัตว์:

  • Rantanen et al.:

    • ใช้ pulsed US @ 3 MHz, 20% duty, 1.5 W/cm² (ISATA = 0.3)

    • เริ่มรักษาในวันที่ 3 หลังบาดเจ็บ → ทำวันละ 6 นาที, 2 วันติด และเว้น 1 วัน

    • พบว่า satellite cells และ fibroblast เพิ่มขึ้น → แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เพิ่มการสร้าง myotube

  • Markert et al.:

    • ใช้ US แบบต่อเนื่อง @ 0.1 W/cm² วันละ 5 นาที + ร่วมกับการออกกำลังกาย

    • ไม่พบผลที่มีนัยสำคัญต่อการฟื้นฟูใยกล้ามเนื้อ

🔑 สรุป: ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า US ช่วยฟื้นกล้ามเนื้อจากการฟกช้ำ → ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมที่ควบคุมอย่างเข้มงวด เช่น การใช้ ultrasound imaging วัดก่อน-หลัง

🔧 สรุปกลไกการใช้ US ในแต่ละช่วงการฟื้นตัว 

ระยะของการหาย (Healing Phase)กลไกที่เกี่ยวข้องกับอัลตราซาวด์
Inflammatory Phase– กระตุ้น growth factors
– ส่งเสริม angiogenesis (หลอดเลือดใหม่)
– อาจช่วยลดการอักเสบ (phonophoresis)
Proliferative Phase– กระตุ้นการสร้าง fibroblast (fibroplasia)
– เพิ่ม vascular supply
Remodeling Phase– เพิ่ม extensibility ของเนื้อเยื่อ
– ส่งผลต่อแผลเป็น (scar remodeling)
– เพิ่มอุณหภูมิด้วย continuous wave (CW)
ultrasound Lipus Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การฟื้นฟูเส้นประสาทส่วนปลาย (Peripheral Nerve Healing)

หลักฐานเบื้องต้นจากสัตว์ทดลองแสดงให้เห็นว่า อัลตราซาวด์ความเข้มต่ำแบบพัลส์ (Low-Intensity Pulsed Ultrasound: LIPUS) สามารถช่วยฟื้นฟูการบาดเจ็บของเส้นประสาทส่วนปลายได้

  • Crisci & Ferreira:

    • ใช้ 1.5 MHz, ISATA = 16 mW/cm², 20 นาที/วัน × 12 วัน

    • พบว่าเพิ่มจำนวนเส้นใยประสาทที่งอกใหม่, การหุ้มปลอกไมอีลิน, ขนาดเส้นใย และกิจกรรมของ Schwann cell

    • เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่าฟื้นตัวดีกว่า

  • Mourad et al.:

    • บาดเจ็บแบบ “crush injury” ต่อ sciatic nerve ของหนู

    • ใช้ 2.25 MHz, ISATA = 0.25 W/cm², 1 นาที × 3 ครั้ง/สัปดาห์ × 30 วัน

    • ผลลัพธ์: กลุ่มที่ได้รับการรักษา ฟื้นการใช้ขาได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


🧵 การฟื้นฟูเส้นเอ็นและเอ็นยึดข้อ (Tendon and Ligament Healing)

🧪 หลักฐานในสัตว์ทดลอง:

  • การใช้ US แบบต่อเนื่อง (CW) @ 1.5 W/cm² × 3 นาที วันเว้นวัน หลังบาดเจ็บเอ็น Achilles (partial rupture)

    • ได้ผลดีในช่วง 3 สัปดาห์ (แต่ไม่ชัดเจนที่ 2 สัปดาห์)

    • เอ็นมี คอลลาเจนจัดเรียงดีขึ้น, แรงต้านมากขึ้น

  • Enwemeka (กระต่าย):

    • ใช้ 1 MHz, 0.5–1.0 W/cm² ใต้น้ำ × 5 นาที/วัน × 10 วันแรกหลังบาดเจ็บ

    • กลุ่มที่ใช้ 0.5 W/cm² ได้ผลดีกว่า 1.0 W/cm² ในการต้านแรงดึง และการดูดซับพลังงาน

  • Saini et al. (สุนัข):

    • 1 MHz @ 0.5 W/cm² × 10 วัน → ฟื้นการเดินเร็วขึ้น, เอ็นแสดงสัญญาณการซ่อมแซมเร็วกว่า

📉 ข้อโต้แย้งจากงานวิจัยบางส่วน:

  • Turner et al. (ไก่): เริ่มรักษาหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ → ไม่มีความแตกต่างด้านแรงกล

    • ใช้ 3 MHz, 25% duty cycle, 1.0 W/cm² × 4 นาที, 3 ครั้ง/สัปดาห์ × 5 สัปดาห์

🟡 Key Insight: การเริ่มรักษาเร็วหลังบาดเจ็บ ดูเหมือนเป็นปัจจัยสำคัญ


📉 งานวิจัยในคน: ผลยังไม่สนับสนุนชัดเจน

  • Takakura et al. (หนู): ใช้ pulsed US, 1.5 MHz, ISATA = 30 mW/cm² × 20 นาที/วัน → เอ็นข้างเข่าด้านใน (MCL) ฟื้นตัวดีขึ้น

  • แต่ในคน:

    • RCT ใน lateral ankle sprainไม่มีหลักฐานสนับสนุน

    • RCT ใน shoulder soft tissue disorders (1 MHz, CW, 1.5 W/cm² × 10 นาที × 15 วัน) → ไม่ต่างจากกลุ่มควบคุม

📌 ยังไม่มีการทดลองในคนโดยใช้ พารามิเตอร์ต่ำแบบที่ได้ผลดีในสัตว์ทดลอง จึงต้องการงานวิจัยเพิ่ม


🦴 การฟื้นฟูกระดูกและกระดูกอ่อนข้อต่อ (Fracture Healing and Articular Cartilage Repair)

🔍 พารามิเตอร์มาตรฐาน (ใช้ในหลายการศึกษา):

  • 20% duty cycle, 1.5 MHz, ISATA = 30 mW/cm² × 20 นาที/วัน

  • ใช้ในเครื่องพิเศษเช่น Astar Physiogo SnG Applicator

🐇 งานวิจัยในสัตว์:

  • Pilla et al.: กระดูก fibula ของกระต่ายหายเร็วขึ้น 1.4–1.6 เท่า

  • Azuma et al.: กระดูก femur แข็งแรงขึ้นแม้ไม่มีความต่างในมวลกระดูก

  • Heybeli et al.: ใช้ US วินิจฉัย (7.5 MHz, 11.8 mW/cm²) × 10 นาที ทุก 5 วัน = ได้ผลเช่นกัน

👩‍⚕️ งานวิจัยในคน:

  • Heckman et al.: กระดูก tibia หายเร็วขึ้น 38%

  • Kristiansen et al.: กระดูกข้อมือ (distal radius) หายเร็วขึ้น 38%

  • Mayr et al.: กระดูก scaphoid หายเร็วขึ้น 31%

ใช้เฉพาะในกรณี กระดูกหักใหม่ ไม่ซับซ้อน และเริ่มรักษาเร็ว

📌 การใช้งานในกระดูกไม่ติด (nonunion) และกระดูกเชื่อมติดหลังผ่าตัดก็ให้ผลดี


🧩 ความเป็นไปได้ในข้อต่อ:

  • ยังเป็นเพียงงานในสัตว์ → LIPUS Therapy อาจกระตุ้นการซ่อมแซมกระดูกอ่อนใน arthritis ได้


📌 สรุปแนวโน้มการใช้ US ในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อหลังบาดเจ็บ:

หัวข้อแนวโน้มที่ได้จากงานวิจัย
ระดับพลังงานความเข้ำต่ำ (≤ 0.5 W/cm²) มักได้ผลดีกว่า
โหมดคลื่นทั้ง pulsed และ continuous ใช้ได้ผล (แล้วแต่ tissue)
เวลาเริ่มรักษาควรเริ่มเร็วที่สุดหลังบาดเจ็บ
ระยะเวลา/ความถี่ใช้ วันละ 1 ครั้ง, ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ
img66n358t424 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด
img72n744t816 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด
Lipus therapy Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

เทคนิคการใช้อัลตราซาวด์เพื่อการรักษา (Application Techniques)

🚨 ต้องขยับหัวอุปกรณ์เสมอ!

การเคลื่อนหัวอัลตราซาวด์ขณะรักษาเป็น วิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด
เพราะ:

  • คลื่นอัลตราซาวด์มี ความไม่สม่ำเสมอของพลังงาน (Beam Nonuniformity) → จุดกึ่งกลางของหัวให้พลังงานสูงกว่าขอบ

  • ถ้า ไม่ขยับหัว → พลังงานจะกระจุกตัว → เกิด “Hot Spot” → อาจทำให้เกิด ความร้อนเฉพาะที่แบบเจ็บแสบ หรือ บาดเจ็บเนื้อเยื่อ

  • การขยับหัวช่วยกระจายพลังงานสม่ำเสมอ และลดการเกิด Standing Waves (คลื่นนิ่งสะท้อนกลับซ้อนกัน)

✅ ควรเคลื่อนหัวอย่างนุ่มนวล เป็น วงกลมซ้อนกัน หรือ แนวยาวไป-กลับ
✅ ควรครอบคลุมพื้นที่รักษา 1.5–2 เท่าของขนาด ERA ของหัวอุปกรณ์
✅ การขยับเร็วขึ้นเล็กน้อยก็ได้ ตราบใดที่ยังสัมผัสผิวแน่นและมีเจลเคลือบต่อเนื่อง


🧴 การใช้เจลสัมผัสโดยตรง (Direct Contact Coupling)

ทำไมต้องใช้เจล?

  • คลื่น US ไม่สามารถผ่านอากาศได้ดี → ต้องมีตัวกลางนำเสียง เช่น เจลชนิดละลายน้ำ

  • เจลช่วย กำจัดฟองอากาศ ระหว่างหัวอุปกรณ์กับผิวหนัง

  • ถ้ามีฟองอากาศ → พลังงานจะสะท้อน 100% และอาจ ทำให้หัวอุปกรณ์ร้อนเสียหาย

⚠️ หากหัวไม่สัมผัสดี → พลังงานที่ปล่อยออกจะ สูญเปล่า และเกิดการสะท้อนอันตราย

คำแนะนำ:

  • ใช้หัวที่ พอดีกับขนาดพื้นที่รักษา → เลี่ยงการใช้หัวใหญ่กับพื้นที่เล็ก เช่น ข้อเท้า, ข้อศอก

  • บริเวณกระดูกนูน → ใช้หัวขนาดเล็กดีกว่า

  • ใช้เจลคุณภาพดี เช่น เจลเฉพาะทาง, โลชั่นสูตรอัลตราซาวด์, เจลฆ่าเชื้อ (สำหรับแผลเปิด)


💧 วิธีทางอ้อม (Indirect Coupling Methods)

1. 🔹 Water Immersion (แช่น้ำ)

  • ใช้เมื่อ: ผิวมีรูปร่างซับซ้อน (เช่น นิ้ว), หรือเจ็บเกินไปเมื่อลูบตรงๆ

  • มือหรือเท้าแช่ในกะละมังพลาสติก, หัว US อยู่ห่าง 1–2 ซม. ในน้ำ

  • ข้อเสีย:

    • มีฟองอากาศ → ต้องเช็ดออกตลอดเวลา

    • จากงานวิจัย: ความร้อนในเนื้อเยื่อ ลดลง 40–60% เทียบกับการใช้เจล

    • พลังงานเข้าสู่เนื้อเยื่อน้อยกว่าเพียง ~32% เมื่อเทียบกับ direct contact

👉 ถ้าใช้ immersion → ต้องเพิ่มความเข้มขึ้น เพื่อให้ได้ผลเท่าการใช้เจล
👉 ถ้าศึกษาจากงานที่ใช้ immersion แต่ใช้ direct contact → ต้อง ลดความเข้มลง


2. 🔹 Gel Pad / Bladder Methods

  • ใช้เจลแพด, ถุงมือยาง/ถุงยางใส่น้ำหรือเจล รองระหว่างหัวกับผิว

  • เจลแพด (2 cm หนา, 9 cm กว้าง) → เป็นตัวกลางยอดนิยมในปัจจุบัน

✅ จากงานวิจัย:

  • ถุงมือใส่น้ำ → ส่งผ่านได้ 66%

  • ถุงมือใส่เจล → 50%

  • ถุงยางใส่เจล → ต่ำกว่า

  • เจลแพด + ทาเจล 2 ข้าง → ให้พลังงานเข้าเนื้อเยื่อได้ดีที่สุดในกลุ่มทางอ้อม

✅ การทดลองในคนพบว่า direct contact และ gel pad ให้ผล ใกล้เคียงกัน ในการเพิ่มอุณหภูมิกล้ามเนื้อ


📌 สรุปแนวทางการเลือกวิธีการใช้ US

สถานการณ์วิธีที่แนะนำ
พื้นที่ราบเรียบ มีเจลครบDirect contact (ดีที่สุด)
ผิวเล็ก-นูน เช่น ข้อเท้า, ข้อนิ้ว✅ Direct contact ด้วย หัวขนาดเล็ก
ผิวผิดรูป / ผิวเจ็บสัมผัสไม่ได้⚠️ ใช้ Gel pad (ดีกว่า immersion)
นิ้ว-เท้า / ต้องการไม่สัมผัสเลยWater immersion (แต่ลดประสิทธิภาพมาก)

🟨 Key Point!

  • ใช้ Direct contact เมื่อเป็นไปได้

  • หากใช้วิธีอื่น ต้อง ปรับความเข้มให้เหมาะสม กับประสิทธิภาพการส่งผ่านของแต่ละวิธี

REFERNCE

Therapeutic Ultrasound
SusanL.Michlovitz,PT,PhD,CHT | KarenJ.Sparrow,PT,PhD

จากหนังสือ Modalities for Therapeutic Intervention

Related Posts

โครงการประชุมวิชาการชมรมกายภาพบำบัดระบบหายใจ หัวใจและหลอดเลือดแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568

November 10, 2025
เมื่อวันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ได้มีการจัดงานประชุมวิชาการในหัวข้อ “Physical Therapy Management in Patients on Mechanical Ventilation and Medical Devices” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ขั้นสูง

Ganshorn Academy Bangkok 2025

November 10, 2025
ระหว่างวันที่ 4–6 พฤศจิกายน 2568 บริษัท ประภัสสร เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงาน Ganshorn Academy Bangkok 2025 ซึ่งเป็นกิจกรรมการอบรมเชิงลึกสำหรับตัวแทนจำหน่าย (Distributors Training) ของบริษัท Ganshorn Medizin Electronic จากประเทศเยอรมนี

Lipus Therapy กรณีศึกษา ปัญหากระดูกติดช้า

October 27, 2025
กรณีศึกษา การใช้ Lipus Therapy กับผู้ป่วยในประเทศไทย ที่มีปัญหากระดูกติดช้า