ASTAR PhysioGO.Lite SONO

ใบอนุญาตโฆษณาเลขที่: xxx

เครื่องอัลตราซาวด์บำบัด PhysioGo.Lite Sono เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์เฉพาะทางที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มไมโครโปรเซสเซอร์สมัยใหม่

อุปกรณ์นี้มีตัวเครื่องทำจากพลาสติก และมาพร้อมกับ หน้าจอสัมผัส LCD สี ขนาด 12.7 ซม. (5 นิ้ว)

ข้อบ่งใช้

เครื่องอัลตราซาวด์บำบัด PhysioGo.Lite Sono เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิด ไม่รุกราน ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการรักษาด้วยอัลตราซาวด์บำบัดมาตรฐาน (Standard Ultrasound Therapy) , อัลตราซาวด์พัลส์กำลังต่ำ (LIPUS – Low-Intensity Pulsed Ultrasound Therapy) และ โฟโนโฟเรซิส (Phonophoresis)

การส่งผ่านคลื่นอัลตราซาวด์และบริเวณที่ใช้รักษา

คลื่นอัลตราซาวด์ถูกส่งผ่านโดยใช้ เทคนิคสัมผัสโดยตรง (Direct Contact Method) กับ ผิวหนังที่ไม่มีบาดแผล บริเวณของร่างกายที่สามารถทำการรักษาด้วย PhysioGo.Lite Sono หลัง แขนขาส่วนบน (หัวไหล่, ต้นแขน, แขนท่อนล่าง, มือ) แขนขาส่วนล่าง (สะโพก, ต้นขา, น่อง, เท้า)อุปกรณ์นี้มีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อเยื่อในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ (Muscle Tissue) โครงกระดูก (Skeletal Tissue) ระบบประสาท (Nervous Tissue) ผิวหนัง (Skin Tissue)

วัตถุประสงค์ทางการแพทย์เฉพาะทาง ได้แก่:
  • รักษาหรือบรรเทาโรค
  • รักษาหรือบรรเทาอาการบาดเจ็บหรือความพิการ

 

โปรดอ่านคำเตือนในฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ก่อนใช้

  • อุปกรณ์นี้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น และผู้ป่วยต้องมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
  • ห้ามให้ผู้ป่วยดำเนินการรักษาด้วยตนเอง
  • ห้ามปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามลำพัง ขณะทำการรักษา
  • ผู้ใช้งานต้อง อัปเดตความรู้ทางการแพทย์อยู่เสมอ และติดตามข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการรักษา
  • ผู้ป่วยที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย (เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ) หรือ มีโลหะฝังในร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการรักษา
  • ก่อนทำการรักษา ควรซักประวัติผู้ป่วย รวมถึงตรวจสอบข้อห้ามใช้ทั้งแบบสัมพัทธ์และแบบสัมบูรณ์
  • ต้อง บันทึกประวัติการรักษา โดยระบุค่าพารามิเตอร์ บริเวณที่รักษา เทคนิคที่ใช้ ปริมาณพลังงาน และอาการหลังการรักษา
  • ห้ามทำการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์
  • ห้ามทำการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของสารมึนเมา
  • ต้องกำหนด ช่วงเวลาที่เหมาะสมระหว่างการรักษาแต่ละครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
  • ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกับผู้ป่วยที่มีความรู้สึกที่ผิวหนังบกพร่อง
  • หากมีข้อความแจ้งเตือนข้อผิดพลาดปรากฏบนหน้าจอ ควรยกเลิกการรักษาทันที
  • ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเดินหายใจหรือหายใจลำบาก ควรอยู่ในท่านั่งหรือเอนตัว
  • ควรจัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในลักษณะที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่รักษาผ่อนคลาย
  • ผู้ป่วยควรแจ้งทันทีหากรู้สึกปวดเพิ่มขึ้นหรือมีอาการผิดปกติใด ๆ
  • ค่าพารามิเตอร์และบริเวณที่รักษาต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์
  • หากใช้หัวอัลตราซาวด์สองหัว หัวที่ไม่ได้ใช้งานควรวางไว้ในที่เก็บ และหากไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ควรถอดออก
  • ห้ามทำอัลตราซาวด์บำบัดบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอเหนือกระดูกสันหลังข้อที่ 3 เพราะอาจส่งผลกระทบต่อก้านสมองส่วน medulla oblongata
  • ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกับผู้ป่วยที่มีความรู้สึกที่ผิวหนังบกพร่อง
  • หากมีข้อความแจ้งเตือนข้อผิดพลาดปรากฏบนหน้าจอ ควรยกเลิกการรักษาทันที
  • ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเดินหายใจหรือหายใจลำบาก ควรอยู่ในท่านั่งหรือเอนตัว
  • ควรจัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในลักษณะที่ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่รักษาผ่อนคลาย
  • ผู้ป่วยควรแจ้งทันทีหากรู้สึกปวดเพิ่มขึ้นหรือมีอาการผิดปกติใด ๆ
  • ค่าพารามิเตอร์และบริเวณที่รักษาต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์
  • หากใช้หัวอัลตราซาวด์สองหัว หัวที่ไม่ได้ใช้งานควรวางไว้ในที่เก็บ และหากไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ควรถอดออก
  • ห้ามทำอัลตราซาวด์บำบัดบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอเหนือกระดูกสันหลังข้อที่ 3 เพราะอาจส่งผลกระทบต่อก้านสมองส่วน medulla oblongata
  • หลีกเลี่ยงการใช้พลังงานอัลตราซาวด์กับอวัยวะภายใน เช่น ช่องท้อง , ทรวงอก (โดยเฉพาะบริเวณหัวใจ)อวัยวะสืบพันธุ์
  • หลีกเลี่ยงการใช้โหมดอัลตราซาวด์ต่อเนื่อง (continuous mode) โดยตรงกับข้อต่อที่มีซีเมนต์หรือพลาสติกฝังอยู่ แต่สามารถใช้ LIPUS mode ได้อย่างระมัดระวัง
  • หลีกเลี่ยงการใช้โหมดอัลตราซาวด์ต่อเนื่อง (continuous mode) ที่ทำให้เกิดความร้อน ในผู้ป่วยที่มี โรคผิวหนังที่ไวต่อความร้อน เช่น โรคเรื้อนกวาง (eczema) สะเก็ดเงิน (psoriasis) อย่างไรก็ตาม โหมดพัลส์ (pulse mode) สามารถใช้รักษาบาดแผลเปิดได้ แต่ต้องปฏิบัติตามข้อควรระวัง ดังนี้ ฆ่าเชื้อหัวอัลตราซาวด์ ใช้เจลปลอดเชื้อ ใช้วิธีการรักษาที่ถูกต้อง ควรเฝ้าสังเกตสภาพผิวหนัง และ หากอาการแย่ลง ควรหยุดการรักษาทันที
  • หลีกเลี่ยงการใช้โหมดอัลตราซาวด์ต่อเนื่อง (ที่ทำให้เกิดความร้อน) เหนือเส้นประสาทที่เสียหาย อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบาย (เช่น อาการเหมือนถูกเข็มแทง) ไม่ช่วยเร่งการฟื้นตัวของเส้นประสาท
  • ควรเลือกหัวอัลตราซาวด์ให้เหมาะสมกับเทคนิคการรักษาที่แนะนำ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน บทที่ 1.4)
  • การใช้หัวอัลตราซาวด์มาตรฐาน (Standard Heads): ควรใช้ เทคนิคแบบไดนามิก (dynamic) หรือกึ่งอยู่กับที่ (semi-stationary) ห้ามใช้เทคนิคแบบอยู่กับที่ (stationary technique) ยกเว้นในกรณีของ LIPUS therapy
  • การใช้หัวอัลตราซาวด์แบบ SnG (hands-free SnG heads): ต้องใช้เฉพาะ เทคนิคแบบอยู่กับที่ (static technique) เท่านั้น
  • หัวอัลตราซาวด์ GU และ GS ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ในอุปกรณ์อัลตราซาวด์บำบัดรุ่นก่อน เช่น Etius, PhysioGo และ Sonaris
  • หัวอัลตราซาวด์ GU และ GS ไม่เหมือนกัน และไม่สามารถใช้แทนกันได้
  • หัว SnG ไม่รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Etius, PhysioGo และ Sonaris
  • หลีกเลี่ยงการวางหัวอัลตราซาวด์แบบไม่ต้องถือ (hands-free head) บนกระดูกที่มีการงอกผิดปกติ (superficial osteophyma) อาจทำให้เกิดอาการปวดเยื่อหุ้มกระดูก (periosteal pain) จากปริมาณความร้อน ควรยึดหัวอัลตราซาวด์ให้แน่นหนาด้วย สายรัดแบบตะขอและห่วง (hook-and-loop belts) ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ เพื่อลดการเคลื่อนที่
  • ควรใช้เจลนำสัญญาณสำหรับอุปกรณ์อัลตราซาวด์โดยเฉพาะ ต้องเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มี เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน (เช่น เครื่องหมาย CE ในสหภาพยุโรป) หลีกเลี่ยงการใช้เจลที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน
  • หากต้องใช้ตัวกลางนำสัญญาณอื่น ๆ (เช่น พาราฟินเหลว (liquid paraffin)) ควร ทดสอบคุณภาพของการตรวจจับการสัมผัสก่อนใช้งาน (ดูหัวข้อ5.2)
  • แนะนำให้ใช้น้ำกลั่น (distilled water) เมื่อต้องทำการรักษาในน้ำ ควรผ่าน กระบวนการกำจัดก๊าซ (degasification) โดยต้มน้ำเป็นเวลา 30 นาที ปิดภาชนะให้สนิท แล้วนำไปแช่เย็นในตู้เย็นจนเย็นตัวลง
  • อุ่นน้ำให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับผู้ป่วยก่อนใช้งาน ฟองอากาศในน้ำอาจส่งผลต่อค่าพารามิเตอร์ของอุปกรณ์ โดยเฉพาะเมื่อใช้หัวอัลตราซาวด์ในตำแหน่งคงที่ (stationary)
  • ห้ามใช้น้ำประปาที่มีแร่ธาตุ สารฆ่าเชื้อ หรือสารเคมีอื่น ๆ อาจทำให้พื้นผิวของ หัวอัลตราซาวด์เสื่อมสภาพ และลดประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ในกรณีรุนแรง อาจทำให้หัวทรานสดิวเซอร์เสียหาย
  • ผู้ทำการรักษาควรรักษามือให้อยู่ นอกน้ำ ตลอดเวลาระหว่างการรักษา
  • หากใช้ภาชนะพลาสติก ควรปรับปริมาณพลังงานให้เหมาะสม เนื่องจาก พลาสติกดูดซับพลังงานสะท้อนกลับ หากใช้ภาชนะโลหะ พลังงานสะท้อนกลับจะกลับไปยังบริเวณที่ทำการรักษาโดยตรง ทำให้ไม่ต้องปรับค่าพลังงาน
  •