Cozen’s Test คืออะไร

April 18, 2025

Cozen Test คืออะไร

วัตถุประสงค์

การทดสอบ Cozen’s test (หรือที่เรียกว่า “resisted wrist extension test” หรือ “resistive tennis elbow test”) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการประเมินภาวะเจ็บบริเวณปลายกระดูกด้านข้างของข้อศอก (lateral epicondylalgia) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “tennis elbow”


วิธีการตรวจ

ให้ผู้ป่วยนั่งในท่าที่สบาย โดยวางแขนในลักษณะต่อไปนี้:

  • ข้อศอกเหยียดตรง

  • แขนท่อนล่าง (forearm) คว่ำเต็มที่

  • ข้อมืออยู่ในตำแหน่งกางออกทางด้านนิ้วหัวแม่มือ (radial abduction)

  • มือกำเป็นหมัด

ผู้ตรวจจะใช้มือข้างหนึ่งประคองและคลำที่บริเวณ epicondyle ด้านข้างของข้อศอก อีกมือหนึ่งวางบนด้านหลังของมือผู้ป่วย จากนั้นขอให้ผู้ป่วยพยายามเหยียดข้อมือขึ้น (dorsiflexion) ขณะที่ผู้ตรวจออกแรงต้าน (resistance) ต่อการเคลื่อนไหวนั้น

ผลการทดสอบเป็นบวก (positive) หากผู้ป่วยรู้สึกเจ็บที่บริเวณ epicondyle ด้านข้างของข้อศอก


ข้อควรระวังในการป้องกันผลบวกลวง

  • เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจพบพยาธิสภาพที่ต้นกำเนิดของกล้ามเนื้อ extensor digitorum โดยไม่ตั้งใจ ควรให้ผู้ป่วยงอนิ้วมือ (flexed fingers) ขณะทดสอบ

  • ระหว่างที่ตรวจแบบต้านแรง (isometric wrist extension) ควรออกแรงต้านที่ด้าน หลังและด้านรัศมีของหมัด (dorsoradial aspect) เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นกล้ามเนื้อ extensor carpi ulnaris ซึ่งอาจทำให้เกิดผลบวกลวง (false positive) หากกล้ามเนื้อ/เส้นเอ็นกลุ่มนี้มีปัญหาอยู่

หลักฐานทางคลินิก: Cozen’s Test เชื่อถือได้แค่ไหน?

แม้ว่าจะยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับความแม่นยำของการตรวจร่างกายสำหรับโรค tennis elbow (หรือ lateral epicondylitis) ไม่มากนัก แต่งานศึกษาล่าสุดโดย Karanasios และทีมวิจัย ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า

  • Cozen’s test มีความไวสูงถึง 91% นั่นหมายความว่า หากผลตรวจออกมาเป็นลบ (ไม่พบความปวด) ก็มีความน่าเชื่อถือสูงว่าผู้ป่วยไม่น่าจะมีภาวะนี้จริง

  • อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจคือการวัด แรงบีบมือในท่าข้อศอกงอเทียบกับเหยียด หากมีความแตกต่างกันประมาณ 5–10% ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือช่วยวินิจฉัยได้ดี โดยมีความไวอยู่ที่ 78–83% และความจำเพาะอยู่ที่ 80–90%

แม้ว่าหลักฐานยังไม่ครอบคลุมเท่าการตรวจด้วยเครื่องมือทางภาพ เช่น อัลตราซาวด์ หรือ MRI แต่ทีมวิจัยก็สรุปว่า Cozen’s test เป็นหนึ่งในเครื่องมือเบื้องต้นที่น่าเชื่อถือ และเมื่อใช้ควบคู่กับการประเมินแรงบีบมือ รวมถึงการตรวจทางภาพ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยได้มากขึ้น

Related Posts

Parkinson’s gait: A case study

April 24, 2025
การเดินในผู้ป่วยพาร์กินสัน (Parkinson’s gait: A case study) โรคพาร์กินสันเผยให้เห็นรูปแบบการเดินที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า "Festinating Gait" ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินที่ผิดปกติ โดยสามารถสังเกตเห็นก้าวเดินที่สั้นและช้า รวมถึงการเดินที่ช้าโดยมีลักษณะการเคลื่อนไหวที่ช้า (bradykinesia) หรือแม้กระทั่งการสูญเสียการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง (akinesia)

60% stance phase – 40% swing may not always be “normal”?

April 24, 2025
การเข้าใจพารามิเตอร์เชิงเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการศึกษารูปแบบการเดิน เพราะมันช่วยให้เราสามารถสังเกตและระบุความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม, สิ่งนี้จะสะท้อนถึงวงจรการเดินที่สมบูรณ์แบบเสมอไปหรือไม่?

Gait patterns in women with high heel shoes

April 24, 2025
พารามิเตอร์เชิงเวลา (Temporal Parameters) เวลาในช่วง Swing phase สั้นลง ความยาวก้าวสั้นลง เวลาในการรับน้ำหนักด้วยสองขาสูงขึ้น พารามิเตอร์พื้นที่ (Spatial Parameters)