เครื่องมือรักษาทางกายภาพบำบัดมีอะไรบ้าง

March 19, 2023

ULTRASOUND THERAPY การรักษาด้วยอัลตร้าซาวด์

Ultrasound therapy เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บหรืออาการอื่นๆที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและข้อต่อ วิธีการนี้ใช้เครื่องมือที่ส่งออกคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงกว่าที่หูมนุษย์จะได้ยิน (ประมาณ 1-3 MHz) เพื่อส่งเสียงไปยังพื้นผิวของร่างกาย

gbo ultrasound therapy Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอดคลื่นเสียงที่ส่งออกจะกระตุ้นการแก้ปัญหาด้านกล้ามเนื้อและข้อต่อโดยการกระตุ้นเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในพื้นผิว ทำให้เกิดผลกระตุ้นกระบวนการแพทย์ในร่างกาย เช่น การเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและน้ำเลือด ลดการบวม และช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น

Ultrasound therapy สามารถใช้รักษาอาการบาดเจ็บหลายประเภทได้ เช่น อาการแขนหรือขาบวม อาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ อาการเจ็บและแข็งตึงของข้อต่อ และอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและข้อต่อในช่วงเวลานานๆ ยังไงก็ตาม การใช้ ultrasound therapy ควรมีการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสถานะและจัดการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละผู้ป่วย


ELECTROTHERAPY การกระตุ้นไฟฟ้า

Electrotherapy เป็นเทคนิคการรักษาที่ใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บหรืออาการทางกล้ามเนื้อ โดยใช้เครื่องมือที่ส่งกระแสไฟฟ้าไปยังบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดหรือเสียดทางกล้ามเนื้อ

Electrotherapy สามารถใช้รักษาอาการทางกล้ามเนื้อหลายๆ อย่าง เช่น อาการปวดหลัง อาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ อาการตึงตัวของกล้ามเนื้อ อาการบวมและอักเสบ อาการชาตามแขนขา และอาการเจ็บปวดของข้อselective focus four electrode pads prepare treatment backpain home Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอดต่อ การใช้ Electrotherapy สามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในพื้นผิว นอกจากนี้ Electrotherapy ยังสามารถช่วยลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวด และช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น

การใช้ Electrotherapy จะต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพและอาการของผู้ป่วย การใช้ Electrotherapy ยังต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและความปลอดภัยที่แนะนำ เพื่อลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้


High Intensity Laser Therapy การรักษาด้วยแสงเลเซอร์กำลังสูง

Laser therapy เป็นเทคนิคการรักษาที่ใช้แสงเลเซอร์เพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บหรือเส้นเอ็นต์ที่เสียหาย โดยใช้เครื่องมือที่ส่งแสงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่มีปัญหาเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณนั้น

qmd58helios Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอดLaser therapy มีประโยชน์ในการรักษาหลายๆ อาการ เช่น อาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ อาการอักเสบ อาการบวม และอาการเจ็บปวดในต่อมไร้ท่อน้ำดี นอกจากนี้ Laser therapy ยังสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในพื้นผิว ช่วยลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวดได้ดี

การใช้ Laser therapy ต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพและอาการของผู้ป่วย การใช้ Laser therapy ยังต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและความปลอดภัยที่แนะนำ เพื่อลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้


Shockwave Therapy การรักษาด้วยคลื่นกระแทก

Shockwave therapy จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. Focused shockwave therapy: เป็นการใช้คลื่นกระแทกแบบโฟกัสเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดแบบเฉพาะจุด เช่น การรักษาการบาดเจ็บของเท้าพลิก-เอียง การรักษาอาการเจ็บปวดในเข่าและข้อเท้า และอื่นๆ Focused Shockwave Therapy จะมีเทคโนโลยีอยู่หลายแบบ เช่น Piezo Electric, Electrohydrolic และ Electromagnetic, Focused Shockwave นี้จะมีราคาสูงเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า Radial Shockwaveimg 03 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

  2. Radial shockwave therapy: เป็นการใช้คลื่นกระแทกแบบแถบทั่วไปเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดที่พบได้ทั่วๆ ไป เช่น การรักษาอาการปวดเส้นประสาท การรักษาเส้นเอ็นที่อักเสบ และอื่นๆ Radial Shockwave จะมีเทคโนโลยีหลักๆคือ ระบบ Pneumatic (หรือแบบปั๊มลม) และ Electromagnetic (แบบใช้กระแสไฟเหนื่ยวนำ) ซึ่งโดยทั่วไป ระบบปั๊มลมจะเป็นที่นิยมมากกว่า

LiKAWAVE VARIO 3i device w handpiece holder 2 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การเลือกใช้ประเภทของ Shockwave therapy นั้นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยต่างๆ เช่น พื้นที่ที่เจ็บปวด ระยะเวลาเจ็บปวด อาการและอาการร่วม และประวัติการรักษาอื่นๆ

Shockwave therapy เป็นเทคนิคการรักษาที่ใช้คลื่นกัดเซลล์เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ในบริเวณที่เสียหาย โดยใช้เครื่องมือที่ส่งคลื่นกัดเซลล์ไปยังบริเวณที่มีปัญหา เช่น อาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ อาการอักเสบ และอาการบวม

Shockwave therapy มีประโยชน์ในการรักษาหลายๆ อาการ เช่น อาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ อาการไขข้อ อาการปวดเวียน และอาการเกี่ยวกับเส้นเอ็นต์ โดย Shockwave therapy จะช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบ และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่รักษา  Shockwave therapy เป็นการใช้คลื่นกระแทกโดยเฉพาะเพื่อรักษาอาการปวดเนื่องจาก trigger point หรือจุดติดของกล้ามเนื้อ โดยจุด trigger point นั้นเป็นตำแหน่งที่มีการกดดันหรือการใช้งานของกล้ามเนื้อเกินจนเกิดอาการแสดงออกมาเป็นอาการปวด อาการนี้สามารถรักษาด้วยการใช้ Shockwave therapy ได้
S 57253964 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การใช้ Shockwave therapy เพื่อรักษา trigger point จะทำให้เกิดการกระตุ้นในเซลล์และเนื้อเยื่อ ซึ่งจะช่วยลดการติดของกล้ามเนื้อและทำให้เกิดการหลั่งสารเคมีที่ช่วยลดอาการปวด การใช้ Shockwave therapy เพื่อรักษา trigger point จะช่วยลดอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีหรือการแทรกซ้อนเข้าไปในร่างกาย

การใช้ Shockwave therapy สามารถใช้รักษาอาการ office syndrome ได้โดยเฉพาะอาการเจ็บหลัง  อาการปวดต้นคอ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่ทำงานในที่ทำงานที่ต้องนั่งหรือยืนนานๆ และทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ Shockwave therapy สามารถทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบๆ จุดแสดงอาการปวดมีการคลายตัว โดยเป็นการกระตุ้นให้เกิดกระบวนการฟื้นฟูของเซลล์และเนื้อเยื่อ ทำให้มีการลดอาการปวดและปรับปรุงสุขภาพของเนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วย Shockwave therapy เพื่อรักษา office syndrome ควรผ่านการตรวจร่างกายกับแพทย์ก่อน และควรมีการประเมินความเหมาะสมของการใช้ Shockwave therapy กับผู้ป่วยเนื่องจากบางกรณีอาจมีอาการอื่นๆ เช่น การติดเชื้อหรืออาการปวดเป็นเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่สามารถรักษาด้วย Shockwave therapy ได้


Cryotherapy การรักษาด้วยความเย็น

Cryotherapy พ่นเย็น (Cryotherapy Spray) เป็นเทคนิคหนึ่งโดยมีเทคโนโลยีการทำความเย็นด้วยไฟฟ้า หรือการใช้ไนโตรเจนเหลว (Liquid Nitrogen) มาใช้เพื่อลดอาการปวดและการอักเสบในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บหรือมีปัญหาเรื่องการไหลเวียนเลือด โดยการพ่นไนโตรเจนเหลวที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียสไปยังผิวหนังของบริเวณที่ต้องการรักษา ซึ่งจะทำให้เกิดการย่อตัวของหลอดเลือดและเซลล์ในบริเวณนั้นๆ ซึ่งทำให้เกิดการลดอาการบวมและอักเสบในบริเวณที่ได้รับการรักษา.

เครื่องให้การรักษาด้วยความเย็น

การใช้ Cryotherapy พ่นเย็นมีข้อดีคือเป็นการรักษาแบบไม่มีการตัดเย็นผิวหนัง และไม่ต้องใช้เวลานานในการทำ แต่ในบางกรณีอาจเกิดอาการบวมแดงหรือร้อนในบริเวณที่ได้รับการรักษาได้ โดยผู้ที่ต้องการใช้ Cryotherapy พ่นเย็นควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์หรือการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง.

การใช้ Cryo ในการทำ Thermo Shock Therapy เป็นเทคนิคหนึ่งในการรักษาที่ใช้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่างกายของผู้ป่วย โดยใช้การนำเสนออุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียสและสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลให้เกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้เกิดการรักษาและเพิ่มความชุ่มชื่นในผิวหนัง การใช้ Thermo Shock Therapy นั้นสามารถช่วยในการรักษาอาการเส้นเลือดสมองอุดตัน โรคข้ออักเสบ ปวดเมื่อยต่างๆ โรคผิวหนัง เป็นต้น

Contrast therapy คือการใช้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำในการรักษาอาการบาดเจ็บหรืออาการปวดเมื่อยในกล้ามเนื้อ โดยเป็นการสลับการใช้น้ำเย็นและน้ำอุ่นในระยะเวลาสั้นๆ โดยทั่วไปจะใช้เวลาเป็น 1-3 นาทีต่อการใช้งาน โดยการใช้น้ำเย็นจะช่วยลดการบวมและปวด และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ในขณะเดียวกันการใช้น้ำอุ่นจะช่วยส่งเสริมการหายของรอยแผลและช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยในกล้ามเนื้อ

การใช้ contrast therapy มักใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บหลังการออกกำลังกายหรือการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาเพื่อป้องกันอาการแพ้ผิดปกติหรืออาการที่เกิดขึ้นได้จากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง.


PMS (Peripheral Magnetic Stimulation) เครื่องให้การรักษาด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง

Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) เป็นเทคโนโลยีการรักษาด้วยการใช้สนามแม่เหล็กที่สร้างจากอุปกรณ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบพลังสูง โดยจะใช้สนามแม่เหล็กส่งผ่านผิวหนังเข้าสู่เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย.

Magsculpt
PMS ใช้ในการรักษาหลายๆ โรคและอาการ เช่น อาการปวดเมื่อย ปวดหลัง อักเสบเมื่อเกิดการบาดเจ็บ โรคกระดูกและกล้ามเนื้อ อาการปวดที่เกี่ยวกับศีรษะ อาการชา และอาการเจ็บแน่นในส่วนต่างๆ ของร่างกาย การใช้ PMS จะส่งสัญญาณไฟฟ้าแรงดันสูงผ่านสายโคจรไปยังสายประสาท ทำให้เกิดการกระตุ้นประสาทและการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้.
img 06 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด
การใช้ PMS มักจะไม่มีผลข้างเคียงหรือมีน้อยมาก แต่อาจเกิดอาการบวม แดง หรือช้ำของผิวหนังในบางราย การใช้ PMS ควรรับประทานคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดเพื่อเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับแต่ละบุคคล.

อะไรคือ PMS ในกายภาพบำบัด

การกระตุ้นด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง Peripheral magnetic stimulation (PMS) หรือหรือที่เรียกว่าการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กผ่านผิวหนังเป็นวิธีการแบบ Non-invasiveโดยการใช้สนามแม่เหล็ก ความเข้มข้นสูง (3 Tesla) กระตุ้นแบบเป็นจังหวะ หรือเป็นช่วงๆ (PULSE)

ปัจจุบันมีการวิจัยและการประยุกต์ใช้ทางคลินิกเพิ่มขึ้นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากถือเป็นแนวทางใหม่ ไม่เจ็บปวด และง่ายสำหรับสภาวะทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อและกระดูก การกระตุ้นแม่เหล็กส่วนปลายสามารถให้ผลลัพธ์ได้ดังนี้

  1. ลดปวด ลดอาการชา ได้เป็นอย่างดี หลังการรักษา

  2. สามารถกระตุ้นกล้ามเนื้ออ่อนแรงด้วยสนามแม่เหล็ก ในการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่เป็นอัมพาต

  3. เร่งการฟื้นตัวของเส้นประสาทที่บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น บาดเจ็บเส้นประสาท มือตก เท้าตก แขนขาอ่อนแรง อาการที่เกิดจากกดทับรากประสาทที่คอ และเอวจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อม

  4. เร่งการฟื้นตัวจากเส้นประสาทที่มีพฤติกรรมผิดเพี้ยน เช่น อาการเหน็บชา ปวดแปร๊บหลังการบาดเจ็บเส้นประสาท อาการปวดเรื้อรังจากโรคทางกล้ามเนื้อกระดูกทุกชนิด

  5. เวลาการบำบัดรักษารักษาไม่นานต่อ 1จุดการรักษา

  6. ถ้าบำบัดรักษาต่อเนื่อง สามารถลดจำนวนการรักษาได้

  7. สามารถบำบัดรักษาได้ผลในทุกระยะของการดำเนินโรค คือ ระยะเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง

  8. กลไกการรักษาเป็นการกระตุ้นให้มีการซ่อมสร้างของเนื้อเยื่อ ไม่ใช่เพียงการแก้อาการเท่านั้น

PMS เหมาะกับใคร

  1. กลุ่มอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก (Stroke), เกิดจากการบาดเจ็บในสมอง (Traumatic Brain Injury), เกิดจากการบาดเจ็บของไขสันหลัง (Spinal Cord Injury) หน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’spalsy) กลุ่มนี้จะเป็นลุ่มใหญ่ที่จะสามารถใช้เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กมาบำบัดรักษาจะช่วย ลดอาการเกร็งในผู้ป่วย อัมพฤกษ์ อัมพาต ทำให้อาการฟื้นตัวของอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตดีขึ้น

  2. กลุ่มโรคกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง คือกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับแนวไขสันหลังโดยตรง การเสื่อมของกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูก หรือการเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูก ที่มีผลต่อเส้นประสาทจากไขสันหลังหรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กจะสามารถรักษากลุ่มปวดนี้ได้มีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องมืออื่น เนื่องจากการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กจะสามารถกระตุ้นลึกลงไปจนถึงรากประสาทได้

  3. กลุ่มปวดต่าง ๆ หรือ ออฟฟิศซินโดรม การบำบัดอาการปวด อาการเคล็ดคัดยอก การบาดเจ็บหรืออาการปวดเรื้อรังจากกล้ามเนื้อ เอ็น พังผืดหรืออาจเกิดจากการบาดเจ็บของตัวเส้นประสาทโดยตรง เช่น อาการปวดบริเวณคอ บ่า ข้อศอก แขน มือ เอว หลัง สะโพก ขา เข่า หรือข้อเท้า และหากทำอย่างต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำจะทำให้อาการปวดค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปในที่สุด

  4. กลุ่มอาการชา หรือ ผู้ที่มีอาการชาจากปลายประสาทหรือการกดทับเส้นประสาท คือกลุ่มปลายประสาทอักเสบ โดยส่วนใหญ่พบได้ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน พบว่าอาการชามือ ชาเท้าจะดีขึ้น 50-100% ในแต่ละครั้งที่รักษา

  5. ช่วยบำบัดรักษาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา นักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม หรือระหว่างแข่งขัน

 


TECAR Therapy การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ

TECAR therapy หมายถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีการถ่ายโอนพลังงานแบบ Capacitive และ Resistive Energy Transfer (TECAR) ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยสามารถลดปวดเมื่อพบอาการปวดหลังหรือกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในระบบลิมฟ์และลดอาการปวดกล้ามเนื้อได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว TECAR therapy ใช้ในการรักษาอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น แผลเลือดขึ้น, แผลเอ็นตก, แผลอักเสบข้อเข่า, แผลเอ็นตีน, ตกข้อต่อโสต เกิด, อาการปวดเมื่อยตามเนื้อต่างๆ, การเป็นเมื่อยเนื่องจากการออกกำลังกาย, อาการแข็งตัวของกล้ามเนื้อ อาการเจ็บข้อต่อเรื้อรัง, และอาการปวดหลัง.
S 57253892 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การใช้ TECAR therapy ในการรักษาเป็นการนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีในการถ่ายโอนพลังงานในส่วนที่เป็นโรคของอวัยวะของร่างกาย โดย TECAR therapy ไม่ใช้การส่งสัญญาณไฟฟ้าจากภายนอก แต่เป็นการกระตุ้นการชาร์จไอออนิกซ์ที่มีอยู่ธรรมชาติในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของเราผ่านการประยุกต์ใช้โลหิตจากตำแหน่งอย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นกระบวนการกระตุ้นเนื้อเยื่อ

วิธีการ TECAR เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีในการถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าในส่วนที่เป็นโรคของอวัยวะในร่างกาย จากการรักษาที่ใช้คลื่น elecromagnetic อื่น ๆ เช่น ultrasound และเลเซอร์ วิธีการ TECAR แตกต่างจากนั้นด้วยวิธีการส่งพลังงานที่แตกต่างกัน ในความเป็นจริง TECAR therapy ไม่ใช่การสร้างความร้อน “จากภายนอก” แต่เป็นการกระตุ้นการชาร์จไอออนิก ที่อยู่ในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของเรา ผ่านการประยุกต์ใช้ electrode พิเศษ นี่เป็นกระบวนการกระตุ้นเนื้อเยื่ออย่างรุนแรง ที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้เกิดการเพิ่มความร้อนภายในเนื้อเยื่อ ซึ่งส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาชีวภาพอย่างเช่นเดียวกับการเพิ่มอุณหภูมิ ดังนั้น TECAR ไม่ใช้การส่งพลังงานไฟฟ้าจากภายนอกแต่เป็นการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าน้ำตาลอยู่ในระบบหรือที่เรียกว่า electrolytes ที่มีอยู่ในระดับเซลล์ เพื่อเปิดการกระตุ้นการไหลเวียน ดังนั้นกระบวนการนี้จะเรียกผลให้เกิดการเพิ่มอุณหภูมิในเนื้อเยื่อ ซึ่งจะกระตุ้นปฏิกิริยาชีวภาพธรรมชาติของร่างกายที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูจุดที่มีปัญหาทั้งกล้ามเนื้อและข้อต่อ สิ่งนี้เกิดขึ้นจากเกิดขึ้นด้วยเหตุผลของกลไกสองอย่าง คือ เพิ่มอุณหภูมิในเนื้อเยื่อลึกและเพิ่มพลังงานในเมมเบรนของเซลล์ โดยการเพิ่มอุณหภูมิที่ลึกซึ่งเป็นเอฟเฟกต์จากการโดนรังสี รวมทั้งเพิ่มพลังงานในเซลล์เพื่อเรียกคืนฟังก์ชันต่างๆของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ซึ่งมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อได้มาก

S 57253890 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอดเนื่องจากมีผลทำให้เกิดอุณหภูมิสูงขึ้นในเนื้อเยื่อ การบำบัดด้วยเทอร์มอาจจะผสมผสานกับการบำบัดด้วยการกายภาพบำบัดแบบแมนนวลหรือการยืดเพื่อให้ได้รับประโยชน์เพิ่มเติม เนื่องจากมีการเพิ่มอุณหภูมิท้องถิ่น จึงทำให้ได้รับการเหลือเชื่อมากขึ้นและการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเร็วขึ้น ในขณะเดียวกัน การยกน้ำหนักแบบอิฐโบราณจะกระตุ้นการเปิดใช้งานของเส้นใยกล้ามเนื้อแต่ละเส้นได้มากขึ้น การบำบัดด้วย TECAR เป็นการรักษาที่มีความสะดวกสบายมาก เนื่องจากมีความรู้สึกอบอุ่นที่เหมาะสมและสามารถทำได้โดยมีความสงบเรียบร้อยโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ที่พึงประสงค์

ผลของ TECAR THERAPY

  • ลดอาการปวด (reduces pain)

  • ปรับปรุงการไหลเวียนเลือดทั้งชั้นนอกและชั้นใน (improves superficial and deep blood circulation)

  • กระตุ้นกระบวนการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อ (improves tissue regeneration)

  • กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองในเส้นเลือดและหลอดน้ำเหลือง (stimulates venous and lymphatic drainage)

  • มีผลต่อการฟื้นฟูสมดุลของการเผาผลาญพลังงานในเนื้อเยื่อ (affects the restoration of metabolic balance activity)

ข้อบ่งใช้ของ TECAR THERAPY

  • โรคกล้ามเนื้อต่าง ๆ (various muscular pathologies) เช่น กล้ามเนื้อกด, รอยแตกกล้ามเนื้อ, บวมและบริเวณบวม

  • การบาดเจ็บ, การเบียดเบียนข้อต่อและการสึกหรอของข้อต่อ (injuries, osteoarticular distractions and wear of the joints) เช่น ข้อไหล่, สะโพก, เข่า, ข้อเท้า

  • โรคข้อศอก,ข้อมือและแขน (pathology of the elbow, wrist and arm) เช่น การอักเสบข้อเท้ามือ, การอักเสบเอ็นที่พับข้อนิ้วมือ, การปวดข้อนิ้วมือ, ฯลฯ

  • โรคระบบประสาทในบริเวณคอ,ทรวงอกและลำตัว (cervical, thoracic and lumbar pathology)

  • การอักเสบและความเสียหายของเอเคิลสและเส้นเอ็น (inflammation and damage to the Achilles tendon, and patellar ligament)

  • การอักเสบเอ็นที่เกี่ยวกับเมื่อยต่อเนื่อง และการเกิดสารเคมีกับข้อไหล่ (tendonitis and calcination in the area of ​​the shoulder joint)

  • บวมเฉียบพลันและเฉียบคลานเรื้อรัง (acute and chronic edema)


TRACTION THERAPY การรักษาโดยเครื่องดึงคอหรือหลังอัตโนมัติ

เครื่องดึงคอและหลัง หรือ neck and back traction machine เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาอาการปวดคอและปวดหลัง โดยการใช้แรงดันเพื่อช่วยยืดเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณนั้น ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ปวดเกิดจากการบีบตัวหรือการแข็งตัวของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทในบริเวณนั้น

2 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การใช้เครื่องดึงคอและหลังมีหลายวิธีการ อาทิเช่น การใช้เครื่องดึงอัตโนมัติที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือการใช้เครื่องดึงแบบแมนนวลที่ต้องใช้กำลังมือของผู้ปฏิบัติงาน แต่วิธีการที่ใช้บ่อยที่สุดคือการใช้เครื่องดึงแบบแมนนวล โดยผู้ป่วยจะถูกตั้งให้นอนราบหรือนั่งตามที่แพทย์หรือผู้ปฏิบัติงานกำหนด และเครื่องดึงจะถูกใช้เพื่อทำการยืดเส้นประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นเวลา 10-30 นาทีต่อครั้ง และการใช้เครื่องดึงคอและหลังควรจะดูแลด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

การรักษาด้วยการใช้แรงดึง (Traction therapy) เป็นวิธีการรักษาที่ใช้การประยุกต์ใช้แรงดึงบนร่างกาย เป็นที่พบบ่อยกับกระดูกสันหลังหรือส่วนปลายแขนขา เพื่อช่วยในการบรรเทาอาการปวดและปรับปรุงความสามารถในการเคลื่อนไหว ด้านล่างนี้เป็นประโยชน์ที่อาจได้รับจากการใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึง:

  1. บรรเทาอาการปวด: การใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึงสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากการอัดสันหลัง ได้แก่ การได้รับแผลชน, ถูกกระแทกหรือแตกเป็นเส้นเสียงของเส้นรอบข้อต่อ หรือการมีการกดของเส้นประสาท

  2. ปรับปรุงความสามารถในการเคลื่อนไหว: การใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึงสามารถช่วยเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวและปรับปรุงความยืดหยุ่นโดยการลดแรงกดทับของข้อต่อและส่งเสริมการวางตำแหน่งที่เหมาะสมของร่างกาย

  3. เพิ่มการไหลเวียนของเลือด: การใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึงสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในพื้นที่ที่เป็นตำแหน่งที่ได้รับผลกระทบ เช่นการลดการอักเสบและส่งเสริมการฟื้นฟู

  4. ลดความตึงของกล้ามเนื้อ: การใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึงสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงและลดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อที่อาจเป็นต้นเหตุของอาการปวด

  5. วิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด: การใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึงเป็นวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดและสามารถใช้แทนการใช้ยาเพื่อรักษาอาการบางส่วนได้

  6. ปรับปรุงระบบท่าทาง: การใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึงสามารถช่วยปรับปรุงการวางตำแหน่งของกระดูกสันหลังและการปรับปรุงความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความถูกต้องของท่าทางร่างกาย

  7. สำหรับข้อสังเกตนี้ การใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้แรงดึงอาจไม่เหมาะสมกับทุกคน และควรใช้โดยมีการแนะนำและคำแนะนำจากผู้ประกอบการด้านสุขภาพที่มีความรู้ความชำนาญในการดูแลผู้ป่วยและการใช้เทคนิคการรักษาด้วยการใช้แรงดึงอย่างถูกต้อง

Related Posts

Prosthetic Gait Deviations : Types, Causes and Analysis

April 18, 2025
Prosthetic Gait Deviations : Types, Causes and Analysis ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีการประมาณว่า ประชากรโลกประมาณ 0.5% หรือราว 40 ล้านคน จำเป็นต้องใช้อวัยวะเทียม เช่น ขาเทียม ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในระดับโลกที่เราต้องมีอุปกรณ์ขาเทียมที่มีประสิทธิภาพ พร้อมกับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการเดินของผู้ที่ใช้อวัยวะเทียม เพื่อให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

Cozen’s Test คืออะไร

April 18, 2025
รู้จัก Cozen’s Test การตรวจร่างกายที่ใช้วินิจฉัยภาวะข้อศอกเทนนิส (tennis elbow) พร้อมวิธีทำ การแปลผล และข้อมูลความแม่นยำทางคลินิก

Visual Analogue Scale (VAS)

April 18, 2025
เจาะลึก Visual Analogue Scale (VAS) เครื่องมือประเมินอาการปวดที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก พร้อมวิธีใช้ การให้คะแนน และข้อดี-ข้อจำกัดที่ควรรู้