การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ คืออะไร
การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ คือ การรักษาทางการแพทย์ที่ใช้แสงที่มุ่งเน้น ต่างจากแหล่งแสงส่วนใหญ่ แสงจากเลเซอร์ (ซึ่งย่อมาจาก light amplification by stimulated emission of radiation) จะปรับความถี่ให้ตรงกับความยาวคลื่นเฉพาะ เป็นวิธีการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพและความงาม ด้วยการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง พลังงานแสงเลเซอร์สามารถซึมผ่านเข้าสู่เนื้อเยื่อที่ต้องการรักษาอย่างลึกซึ้ง เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์และช่วยกระบวนการฟื้นฟูสภาพ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเทียบกับการรักษาแบบอื่น ๆ
การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ สำหรับการรักษาอาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง (รองช้ำ)
- อาการและความพบบ่อย: อาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง (CPHP) เป็นคำที่ใช้เรียกอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณส้นเท้า ซึ่งโรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด อาการนี้เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยคนประมาณ 1 ใน 10 คนจะเจอในช่วงหนึ่งของชีวิต
- กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบ: ทุกปีมีคนประมาณ 2 ล้านคนทั่วโลกที่มาพบแพทย์เนื่องจากอาการนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาการนี้มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก
- การรักษาแบบเดิม: วิธีการรักษาแบบดั้งเดิม เช่น การยืดกล้ามเนื้อและการใช้ถ้วยรองส้นเท้าซิลิโคน มักถูกนำมาใช้ แต่บางครั้งก็อาจไม่ได้ผลกับทุกคน ทำให้ต้องหาวิธีการรักษาอื่น ๆ
- เลเซอร์บำบัด: การบำบัดด้วยเลเซอร์เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นเพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและอาจช่วยลดอาการปวดและเร่งการฟื้นตัวได้ จึงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบกับวิธีการรักษาแบบอื่น
ภาวะที่รวมอยู่ในอาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง (CPHP)
อาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง (CPHP) ครอบคลุมหลายภาวะที่ส่งผลต่อส้นเท้า โดยที่พบบ่อยที่สุดคือโรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ ซึ่งภาวะเฉพาะที่รวมอยู่ใน CPHP มีดังนี้:
- พังผืดฝ่าเท้าอักเสบ หรือโรครองช้ำ (Plantar Fasciitis): เป็นภาวะที่พบได้บ่อยที่สุดใน CPHP โดยมีลักษณะอาการคือการอักเสบของพังผืดฝ่าเท้า ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อหนาที่พาดผ่านบริเวณฝ่าเท้า
- ภาวะอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัด: CPHP ถูกอธิบายว่าเป็นคำกว้าง ๆ ที่อาจรวมถึงภาวะอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับการระบุแน่ชัดที่มีผลกระทบต่อส้นเท้า แม้ว่าบทความนี้จะไม่ได้ระบุภาวะเหล่านั้นโดยตรง แต่ก็อาจรวมถึงปัญหาเช่น กระดูกงอก (heel spurs) เอ็นร้อยหวายอักเสบ (Achilles tendinopathy) และอาการปวดส้นเท้ารูปแบบอื่นที่ไม่มีการวินิจฉัยที่ชัดเจน
CPHP เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในหลายคน ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการมีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับภาวะเหล่านี้
การประเมินทางคลินิก
- ขาข้างที่มีอาการ: การศึกษานี้มีผู้เข้าร่วม 18 คน ที่มี 26 ขาซึ่งมีอาการ CPHP ซึ่งบ่งชี้ว่าการวินิจฉัยน่าจะมาจากการประเมินทางคลินิกและการมีอาการที่เกี่ยวข้องกับพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ เช่น อาการปวดบริเวณส้นเท้า โดยเฉพาะตรงจุดยึดของพังผืดฝ่าเท้า
- ข้อมูลประชากรและประวัติทางการแพทย์: ผู้เข้าร่วมถูกสัมภาษณ์เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับประชากรและประวัติทางการแพทย์ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการวินิจฉัย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาที่ปวด พื้นที่ทั่วไปของอาการปวดที่เท้า และปัจจัยด้านวิถีชีวิตที่อาจส่งผลต่อภาวะดังกล่าว
- การประเมินความเจ็บปวด: ผู้เข้าร่วมให้คะแนนความเจ็บปวดโดยใช้มาตราส่วน Visual Analog Scale (VAS) และดัชนีการทำงานของเท้า (Foot Function Index หรือ FFI) ตั้งแต่เริ่มการศึกษา การประเมินเหล่านี้ช่วยในการทำความเข้าใจระดับความรุนแรงของภาวะดังกล่าว และมักถูกใช้ในคลินิกเพื่อประเมินโรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ
แม้จะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงเกณฑ์การวินิจฉัยหรือวิธีการที่ใช้ยืนยันโรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ แต่ก็สื่อให้เห็นว่ามีการใช้การประเมินทางคลินิก ประวัติผู้ป่วย และเครื่องมือวัดความเจ็บปวดในการวินิจฉัย นอกจากนี้ การใช้วิธีการตรวจเพิ่มเติมทางคลินิกและการถ่ายภาพ เช่น อัลตราซาวด์ อาจช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการศึกษานี้
อาการที่บ่งชี้ถึงโรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ
การศึกษาที่เกี่ยวกับอาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง (CPHP) ได้เน้นถึงอาการเฉพาะที่มักเกี่ยวข้องกับโรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ โดยมีอาการสำคัญดังนี้:
- อาการปวดส้นเท้า: อาการหลักของพังผืดฝ่าเท้าอักเสบคืออาการปวดที่ส้นเท้า โดยเฉพาะบริเวณจุดยึดของพังผืดฝ่าเท้า ซึ่งมักจะปวดมากในช่วงก้าวแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าหรือหลังจากนั่งหรือยืนนาน ๆ
- ตำแหน่งของอาการปวด: ผู้เข้าร่วมรายงานว่าอาการปวดส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณฝ่าเท้าด้านล่างของส้นเท้า บางคนมีอาการปวดบริเวณจุดยึดของพังผืดฝ่าเท้า ขณะที่บางคนปวดบริเวณโค้งยาวด้านใน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาการปวดสามารถเกิดขึ้นในตำแหน่งต่าง ๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณส้นเท้า
- ระยะเวลาของอาการปวด: การศึกษาพบว่าผู้เข้าร่วมมีอาการปวดเฉลี่ยประมาณ 29 สัปดาห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าอาการปวดเรื้อรังเป็นลักษณะสำคัญของพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ
- ผลกระทบต่อกิจกรรมประจำวัน: อาการปวดที่เกี่ยวข้องกับพังผืดฝ่าเท้าอักเสบสามารถส่งผลต่อกิจกรรมประจำวัน เนื่องจากผู้เข้าร่วมหลายคนมีอาชีพที่ต้องยืนหรือต้องเคลื่อนไหว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาการปวดอาจจำกัดการเคลื่อนไหวและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
อาการเหล่านี้รวมกันแสดงถึงการมีพังผืดฝ่าเท้าอักเสบในผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น CPHP ซึ่งเน้นถึงความจำเป็นในการมีวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดความเจ็บปวดและปรับปรุงการทำงานของเท้า
รูปแบบของการบำบัดด้วยเลเซอร์
การศึกษาการใช้เลเซอร์บำบัดสำหรับอาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง (CPHP) เน้นรูปแบบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิธีการรักษานี้ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
- ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้: การศึกษาใช้ระบบเลเซอร์ไดโอด ซึ่งจัดอยู่ในประเภทเลเซอร์ระดับ 4 เลเซอร์ชนิดนี้มีคุณสมบัติเป็นแสงเลเซอรืกำลังสูง ในการเจาะลึกเข้าสู่เนื้อเยื่อ ทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการทางระบบกล้ามเนื้อและกระดูก เช่น CPHP
- การใช้แสง: เลเซอร์บำบัดทางการแพทย์เกี่ยวข้องกับการใช้แสงสีแดงและแสงอินฟราเรดใกล้ บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ วิธีการนี้ออกแบบมาเพื่อลดการอักเสบ เร่งการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และบรรเทาอาการปวด ลักษณะที่ไม่รุกรานของการรักษานี้ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วย
- ความถี่ในการรักษา: ผู้เข้าร่วมกลุ่มที่ได้รับการบำบัดด้วยเลเซอร์ได้รับการรักษาที่คลินิกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ซึ่งความถี่ที่จัดขึ้นนี้มีความสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
- การจัดการอาการปวด: เป้าหมายหลักของการใช้เลเซอร์บำบัดในบริบทนี้คือการให้วิธีการที่ไม่เจ็บปวดและไม่ต้องผ่าตัดในการจัดการอาการปวดที่รุนแรงจาก CPHP การศึกษาย้ำว่าการบำบัดด้วยเลเซอร์ไม่มีผลข้างเคียงที่รายงาน ทำให้ผู้ป่วยยินดีเข้ารับการรักษาและรู้สึกสบายระหว่างการรักษามากขึ้น
บทสรุปของการศึกษา
การศึกษาการใช้เลเซอร์บำบัดในการจัดการอาการปวดส้นเท้าเรื้อรัง (CPHP) ได้นำเสนอข้อสรุปที่สำคัญหลายประการ ดังนี้:
- ประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยเลเซอร์: ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการบำบัดด้วยเลเซอร์เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในระยะสั้นมากกว่าวิธีการรักษาแบบดั้งเดิม เช่น การยืดกล้ามเนื้อและการใช้ถ้วยรองส้นเท้าซิลิโคน ผู้เข้าร่วมที่ได้รับการบำบัดด้วยเลเซอร์มีคะแนนความเจ็บปวดลดลงอย่างมาก ซึ่งเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของวิธีการนี้ในการจัดการ CPHP
- การลดผลข้างเคียง: ข้อได้เปรียบที่โดดเด่นของการบำบัดด้วยเลเซอร์คือความสามารถในการลดการใช้ยารักษาในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเพราะช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาเป็นเวลานาน ทำให้การบำบัดด้วยเลเซอร์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้ป่วย
- ความจำเป็นในการวิจัยเพิ่มเติม: การศึกษาเน้นถึงความจำเป็นในการวิจัยเพิ่มเติมในระดับใหญ่ขึ้นและมีการออกแบบการศึกษาที่ดี เพื่อชี้แจงประสิทธิภาพในระยะยาวและพารามิเตอร์การรักษาที่เหมาะสมของการบำบัดด้วยเลเซอร์ ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าผลลัพธ์ในระยะสั้นจะเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่ครอบคลุมสำหรับ CPHP
- ผลกระทบต่อการดูแลผู้ป่วย: ผลการวิจัยแนะนำว่าการรวมการบำบัดด้วยเลเซอร์เข้ากับการปฏิบัติทางคลินิกสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วยได้ โดยการให้การบรรเทาอาการปวดอย่างมีประสิทธิภาพและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีอาการ CPHP ซึ่งอาจนำไปสู่แนวทางการจัดการที่ดีกว่าและผลลัพธ์ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วย
สรุปได้ว่าการศึกษานี้สรุปว่าการบำบัดด้วยเลเซอร์เป็นวิธีการรักษาระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมในการรักษา CPHP และมีศักยภาพในการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วยพร้อมทั้งลดการพึ่งพาการใช้ยา ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสำรวจประโยชน์ในระยะยาวและกำหนดแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด
Reference:
The Use of Laser Therapy in the Management of Chronic Plantar Heel Pain : Abela Maria, Gatt Alfred and Formosa Cynthia* Faculty of Health Sciences, University of Malta
Advance Research
in Dermatology &
Cosmetics (ARDC)