โรคในระบบประสาท (Neurological Disorders)

April 6, 2025
2 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

กลุ่มโรคทางสมองและไขสันหลัง (Central Nervous System Disorders)

  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
    โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากการอุดตันหรือแตกของหลอดเลือดในสมอง ส่งผลให้สมองบางส่วนขาดเลือดและออกซิเจน อาการที่พบได้บ่อยคือแขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด หน้าบิดเบี้ยว เวียนศีรษะ และอาจหมดสติได้ เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อลดความเสียหายของสมอง

  • โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
    พาร์กินสันเป็นโรคทางระบบประสาทที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์สมองส่วนที่สร้างโดพามีน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการมือสั่นขณะอยู่นิ่ง เคลื่อนไหวช้า กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เดินตัวงอ และล้มง่าย อาจมีอาการทางอารมณ์ร่วมด้วย เช่น ซึมเศร้า หรือใบหน้าไร้อารมณ์ โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุ และมีลักษณะการดำเนินโรคที่ค่อยเป็นค่อยไป

  • โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)
    โรคอัลไซเมอร์เป็นภาวะสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เริ่มจากความจำระยะสั้นเสื่อม ลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น สับสนเรื่องเวลาและสถานที่ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง และสูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน อาการจะค่อย ๆ แย่ลงเมื่อโรคดำเนินไป

  • โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis – MS)
    MS เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายปลอกไมอีลินที่หุ้มเส้นประสาทในสมองและไขสันหลัง ทำให้การส่งสัญญาณประสาทผิดปกติ อาการที่พบ เช่น แขนขาอ่อนแรง มองเห็นพร่ามัว เดินเซ เหนื่อยง่าย หรือรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลตามร่างกาย อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ และไม่สามารถคาดเดาได้

  • โรคลมชัก (Epilepsy)
    โรคลมชักเกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าในสมอง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการชักหลากหลายรูปแบบ เช่น ชักเกร็งหมดสติ กระตุก หยุดนิ่งชั่วขณะ หรือมีอาการนำ (Aura) เช่น ได้กลิ่นแปลกๆ ก่อนชัก หากควบคุมด้วยยาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis)
    ALS เป็นโรคทางระบบประสาทที่เซลล์ประสาทสั่งการเสื่อมลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายอ่อนแรง ลีบ หรือกระตุก เริ่มจากมือ แขน หรือขา แล้วลุกลามไปยังกล้ามเนื้อที่ใช้พูด กลืน และหายใจ สุดท้ายผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากภาวะหายใจล้มเหลว

  • เนื้องอกในสมอง (Brain Tumors)
    เนื้องอกในสมองอาจเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ร้ายก็ได้ และอาการขึ้นอยู่กับตำแหน่งของก้อนเนื้องอก เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง อาเจียนโดยไม่คลื่นไส้ สายตาพร่ามัว พฤติกรรมเปลี่ยน หรือสูญเสียการทำงานของร่างกายบางส่วน หากก้อนโตหรืออยู่ในตำแหน่งสำคัญ อาจส่งผลรุนแรงต่อชีวิตได้

  • การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง (Spinal Cord Injury)
    เป็นภาวะที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือแรงกระแทกที่ส่งผลต่อไขสันหลัง ทำให้สูญเสียการเคลื่อนไหวหรือความรู้สึกตั้งแต่จุดบาดเจ็บลงไป อาจเกิดอัมพาตครึ่งตัวหรือทั้งตัว และอาจมีปัญหาในการควบคุมการขับถ่ายร่วมด้วย การฟื้นฟูมักต้องใช้กายภาพบำบัดระยะยาว

4 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

กลุ่มโรคระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral Nervous System Disorders)

  • โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) โรคปลายประสาทอักเสบเกิดจากความเสียหายของเส้นประสาทส่วนปลาย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากเบาหวาน การติดเชื้อ ภาวะขาดวิตามิน หรือสารพิษ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ชา เจ็บแสบ รู้สึกเหมือนเข็มทิ่ม ปวดร้าว หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง มักเริ่มจากปลายมือปลายเท้า แล้วค่อย ๆ ลามขึ้นด้านบน อาการอาจเป็นแบบเรื้อรังและต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
  • โรคพังผืดกดทับเส้นประสาทข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) เกิดจากการที่เส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) ถูกกดทับภายในอุโมงค์ข้อมือ มักพบในคนที่ใช้ข้อมือซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น พนักงานออฟฟิศ หรือช่างฝีมือ อาการประกอบด้วย ชา ปวด เจ็บแสบ หรือรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และฝ่ามือ อาการมักแย่ลงเวลากลางคืน และอาจมีแรงบีบมืออ่อนลง
  • โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท (Herniated Disc with Nerve Root Compression) เมื่อหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือแตกออกมาแล้วไปกดทับรากประสาท จะทำให้เกิดอาการปวดร้าวจากบริเวณหลังหรือคอไปยังแขนหรือขา ตามเส้นทางของเส้นประสาทที่ถูกกดทับ เช่น ปวดหลังร้าวลงขา (Sciatica) หรือปวดคอร้าวลงแขน อาจมีอาการชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหมอนรองกระดูกที่ผิดปกติ

 

  • โรคเส้นประสาทใบหน้าอักเสบ (Bell’s Palsy) เป็นภาวะที่เส้นประสาทคู่ที่ 7 (Facial Nerve) อักเสบ ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งหนึ่งอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตแบบเฉียบพลัน อาการจะเกิดขึ้นทันทีภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน เช่น ยิ้มไม่เท่ากัน หลับตาไม่สนิท น้ำลายไหล พูดไม่ชัด มักไม่มีอาการเจ็บปวด และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวได้เองภายใน 3–6 เดือน หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
  • โรคประสาทรับความรู้สึกผิดปกติ (Sensory Neuropathy) ภาวะนี้เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทรับความรู้สึก ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชา รู้สึกไวต่อการสัมผัส หรือเจ็บแม้เพียงการสัมผัสเบา ๆ ในบางรายอาจรู้สึกสูญเสียการรับรู้ตำแหน่งของร่างกาย เช่น เดินแล้วล้มง่าย หรือทรงตัวไม่ดี โดยเฉพาะในที่มืด มักพบในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือโรคทางพันธุกรรมบางชนิด
5 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

กลุ่มอาการปวดจากระบบประสาท (Neuropathic Pain Syndromes)

  • โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal Neuralgia) เป็นโรคที่มีอาการปวดเฉียบพลันรุนแรงบริเวณใบหน้า ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองหรือการกดทับของเส้นประสาทไทรเจอมินัล (Trigeminal nerve) ผู้ป่วยมักอธิบายอาการว่าเป็นความรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตหรือแทงแปลบที่แก้ม ริมฝีปาก หรือขากรรไกร อาการมักเป็นข้างเดียว และอาจถูกกระตุ้นได้ด้วยการสัมผัสเบา ๆ การแปรงฟัน การพูด หรือการรับประทานอาหาร
  • อาการปวดจากเส้นประสาทอักเสบหลังงูสวัด (Postherpetic Neuralgia) เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทที่เหลืออยู่หลังจากการติดเชื้อไวรัสงูสวัด (Herpes Zoster) หายแล้ว โดยอาการปวดจะคงอยู่แม้ผื่นจะหายไปแล้วหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ผู้ป่วยมักมีอาการปวดแสบ ปวดแปลบ หรือปวดลึกในบริเวณที่เคยเป็นผื่นงูสวัด และมักไวต่อการสัมผัสแม้เพียงเบา ๆ พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
  • อาการปวดเส้นประสาทไซอาติก (Sciatica) ไซอาติกเป็นอาการปวดที่เกิดจากการกดทับหรือการระคายเคืองของเส้นประสาทไซอาติก ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ยาวที่สุดในร่างกาย อาการมักเริ่มจากปวดหลังส่วนล่างแล้วร้าวลงขา อาจมีอาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย โดยมากมักเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือเสื่อมกดทับรากประสาท
  • โรคไมเกรน (Migraine) ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะที่มีลักษณะเฉพาะคือปวดตุ้บ ๆ ข้างเดียวหรือสองข้าง โดยมักมาพร้อมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือไวต่อแสงและเสียง บางรายมีอาการเตือน (Aura) ก่อนปวด เช่น มองเห็นแสงวูบวาบหรือภาพเบลอ อาการปวดอาจเป็นตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงจนถึงหลายวัน และมักเกิดซ้ำเป็นประจำ
  • อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (Cluster Headache) เป็นอาการปวดศีรษะที่รุนแรงมากและเกิดเป็นรอบ ๆ หรือ “คลัสเตอร์” อาการมักเริ่มแบบฉับพลัน ปวดลึกหลังตาหรือรอบเบ้าตา ข้างเดียว ร่วมกับอาการน้ำตาไหล น้ำมูกไหล หนังตาตก หรือตาแดง อาการปวดมักเกิดเวลาเดิมในแต่ละวัน โดยเฉพาะช่วงกลางคืน และอาจเป็นซ้ำได้ทุกวันในช่วงคลัสเตอร์ที่กินเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
Template Facebook 11 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

กลุ่มโรคระบบประสาทจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือพัฒนาการ โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy)

  • โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy) โรคกล้ามเนื้อเสื่อมเป็นกลุ่มของโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบลงเรื่อย ๆ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ โดยรูปแบบที่พบบ่อยคือ Duchenne Muscular Dystrophy ซึ่งมักเกิดในเด็กผู้ชายและแสดงอาการตั้งแต่วัยเด็ก เช่น เดินช้า ล้มบ่อย และมีปัญหาในการลุกยืน เมื่อโรคดำเนินไป กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงมากขึ้นจนไม่สามารถเดินได้ และอาจมีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจหรือระบบหายใจ

  • สมองพิการ (Cerebral Palsy) สมองพิการคือกลุ่มอาการที่เกิดจากความเสียหายของสมองในระยะก่อน ระหว่าง หรือหลังคลอด ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว อาการมีตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรง เช่น กล้ามเนื้อเกร็ง เดินผิดปกติ การเคลื่อนไหวช้า หรือควบคุมไม่ได้ บางรายอาจมีปัญหาทางการพูด การมองเห็น หรือสติปัญญาร่วมด้วย โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถฟื้นฟูและพัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ด้วยกายภาพบำบัดและการดูแลเฉพาะทาง

  • ออทิซึม (Autism Spectrum Disorder – ASD)

    ออทิซึมเป็นภาวะผิดปกติทางพัฒนาการของระบบประสาทที่มีผลต่อการสื่อสาร การเข้าสังคม และพฤติกรรม โดยอาการอาจเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่วัยเด็ก เช่น ไม่สบตา ไม่ตอบสนองต่อการเรียกชื่อ พูดช้าหรือพูดซ้ำ ๆ มีพฤติกรรมซ้ำ ๆ เช่น หมุนของ หรือลูบของบางอย่างซ้ำ ๆ ระดับความรุนแรงแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ปัจจุบันสามารถวินิจฉัยได้ตั้งแต่ช่วงปฐมวัย และการบำบัดอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น

  • โรคฮันติงตัน (Huntington’s Disease)

    โรคฮันติงตันเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้สมองเสื่อมลงอย่างช้า ๆ โดยเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ถ่ายทอดจากพ่อหรือแม่ ผู้ป่วยมักเริ่มแสดงอาการในวัยกลางคน เช่น การเคลื่อนไหวผิดปกติ กล้ามเนื้อกระตุก เดินเซ รวมถึงมีอารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า และสมรรถภาพทางสติปัญญาถดถอย โรคนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถบรรเทาอาการและชะลอความเสื่อมได้

  • ความบกพร่องทางสติปัญญา (Intellectual Disabilities)

    ภาวะความบกพร่องทางสติปัญญาคือการมีระดับสติปัญญา (IQ) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ร่วมกับความบกพร่องในการปรับตัวเข้ากับชีวิตประจำวัน เช่น การสื่อสาร การดูแลตนเอง หรือการเข้าสังคม อาการจะแสดงชัดในช่วงวัยเด็ก และอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม ความผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด หรือการบาดเจ็บทางสมอง การวินิจฉัยและการฟื้นฟูตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เด็กมีโอกาสพัฒนาทักษะและใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากขึ้น

Reference

https://astar.eu/electrotherapy/

Related Posts

การจัดการทางกายภาพบำบัด ด้าน Erectile Dysfunction

April 8, 2025
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หมายถึง  ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่งของวงจรการตอบสนองทางเพศ ซึ่งวงจรนี้ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ ความต้องการทางเพศ (Desire), การตื่นตัว (Arousal), การถึงจุดสุดยอด (Orgasm), และการฟื้นฟู (Resolution)

โรคในระบบประสาท (Neurological Disorders)

April 6, 2025
โรคในระบบประสาทมีอะไรบ้าง ครอบคลุมทั้งโรคของสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ และโรคปลายประสาทอักเสบ โดยมีผลต่อการทำงานของร่างกายและจิตใจอย่างมีนัยสำคัญ

Biostimulation laser therapy การรักษาด้วยแสงเลเซอร์กำลังต่ำ

February 3, 2025
การบำบัดด้วยแสงเลเซอร์กำลังต่ำ (LLLT) เป็นวิธีที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการลดปวด ลดอักเสบ กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย