การรักษาด้วย Transcranial Magnetic Stimulation คืออะไร

May 31, 2024
41606 2020 57 Fig1 HTML Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การรักษาด้วย Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) คือเทคนิคการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้สนามแม่เหล็กกระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบประสาทเหล่านี้ หลายครั้งที่ TMS มักถูกนำมาใช้เพื่อรักษาภาวะซึมเศร้าที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทางยาหรือวิธีการอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคสมองด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก ทั้งนี้ การบำบัด TMS therapy มีแนวโน้มให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการตัวเลือกการรักษาทางการแพทย์เพิ่มเติม.

ประเด็นสำคัญ

  • Transcranial Magnetic Stimulation คือการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด
  • ใช้สนามแม่เหล็กเพื่อกระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง
  • มีประโยชน์ในการรักษาภาวะซึมเศร้าที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทางยา
  • มีการนำมาใช้เพื่อรักษาโรคสมองด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก
  • ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นทางเลือกในการรักษาเพิ่มเติม

Transcranial Magnetic Stimulation คือ

Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) เป็นการรักษาทางการแพทย์ที่ใช้สนามแม่เหล็กเพื่อกระตุ้นสมองโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่ง TMS มักถูกใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้าและความผิดปกติทางสมองอื่นๆ ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาในรูปแบบทั่วไป.

ความหมายและความสำคัญ

หลักการทำงานของ TMS คือการใช้สนามแม่เหล็กที่มีความเข้มสูงกระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับจิตใจและพฤติกรรม ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย TMS มักจะมีอาการดีขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น.

ประโยชน์ของ TMS

ข้อบ่งใช้ของ TMS นอกจากการรักษาภาวะซึมเศร้าแล้ว ยังมีผลต่อการบรรเทาอาการของโรคประสาทอื่นๆ เช่น โรคลมชักและโรคสมองเสื่อม การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมองและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย.

อาการ/โรคการรักษาด้วย TMSประโยชน์ที่ได้รับ
ภาวะซึมเศร้าการกระตุ้นสมองด้วยแม่เหล็กเพิ่มอารมณ์และลดอาการซึมเศร้า
โรคสมองเสื่อมปรับปรุงการทำงานของสมองเพิ่มความจำและการรับรู้
โรคลมชักยับยั้งการส่งสัญญาณผิดปกติลดจำนวนครั้งที่เกิดการชัก
images 8 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

หลักการทำงานของการรักษาด้วย TMS

การรักษาด้วย Transcranial Magnetic Stimulation หรือ TMS ค่อนข้างเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีความสามารถในการรักษาโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลข้างเคียงมาก. นี่คือการทำงานหลักของ TMS และวิธีการที่มันสามารถช่วยในการรักษาได้:

วิธีการทำงานของ TMS

เครื่อง TMS จะสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าภายในสมอง กระแสไฟฟ้านี้จะไปกระตุ้นหรือยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาทในบริเวณที่เลือก.

การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กทำงานอย่างไร

ในระหว่างการรักษา, การกระตุ้นด้วยการส่งสนามแม่เหล็กจะถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาท สารแม่เหล็กที่สร้างขึ้นจะเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าในสมอง ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางเคมีและการทำงานของสมอง.

การกระตุ้นด้วยการส่งสนามแม่เหล็กการรักษาภาวะซึมเศร้าด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก
ใช้การกระตุ้นเซลล์ประสาทช่วยผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าในสมองเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

ข้อบ่งใช้ของการรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก

การรักษาด้วย TMS ถือเป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่ดีขึ้นจากการทดลองใช้ยาและวิธีการรักษาอื่นๆ โดยเฉพาะในการจัดการกับภาวะซึมเศร้าเรื้อรังและโรคอารมณ์สองขั้ว หลายครั้งที่ ผู้ป่วยเหล่านี้ ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาหลายๆ เจ้า ทำให้การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสภาพจิตใจ

นอกจากนี้ ข้อบ่งใช้ของการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กยังรวมถึงการรักษาภาวะผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น โรคจิตเวชที่มีอาการร้ายแรง และอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง การรักษาด้วย TMS สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้

ข้อบ่งใช้โรค/อาการ
ภาวะซึมเศร้าเรื้อรังซึมเศร้าเรื้อรังไม่ตอบสนองต่อยา
โรคอารมณ์สองขั้วอารมณ์สองขั้วไม่ควบคุมได้ด้วยยา
อาการวิตกกังวลวิตกกังวลรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้
โรคจิตเวชอาการร้ายแรงของโรคจิตเวช

ข้อห้ามในการใช้ TMS

Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีบางข้อห้ามที่ควรระวังอย่างยิ่ง ก่อนการใช้ TMS ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาของคุณ

midsection doctor examining patient hospital Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

ภาวะที่ไม่ควรใช้ TMS

ข้อห้ามในการใช้ TMS รวมถึงผู้ป่วยที่มีเครื่องช่วยอวัยวะที่มีส่วนประกอบของโลหะเช่นเครื่องกระตุ้นหัวใจ, ผู้ที่มีประวัติการชัก หรือผู้ที่มีแผ่นปรับรูปสมอง เช่น คลิปอุดเลือด โดยเฉพาะเหล่านี้ สามารถเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบที่เป็นอันตราย

  • ผู้ป่วยที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือเครื่องช่วยอวัยวะที่มีส่วนประกอบของโลหะ
  • ผู้ป่วยที่มีประวัติการชัก
  • ผู้ป่วยที่มีแผ่นปรับรูปสมอง เช่นคลิปอุดเลือด

คำแนะนำจากแพทย์

คำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก TMS นั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แพทย์จะทำการประเมินประวัติสุขภาพและตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีข้อห้ามที่อาจก่อให้เกิดอันตราย. การปรึกษาแพทย์ที่ชำนาญช่วยให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษาและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

ด้านล่างนี้เป็นตารางที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับข้อห้ามและคำแนะนำจากแพทย์ในการใช้ TMS:

ภาวะที่ไม่ควรใช้คำแนะนำจากแพทย์
เครื่องกระตุ้นหัวใจควรหลีกเลี่ยงการใช้ TMS และหาทางเลือกการรักษาอื่นๆ
ประวัติการชักแพทย์จะต้องตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อนการรักษา
แผ่นปรับรูปสมองต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์ที่ฝังอยู่ในร่างกายก่อนการรักษา

ข้อควรระวังในการรักษาด้วย TMS

การรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก (TMS) เป็นวิธีการที่มีผลลัพธ์ดีในการรักษาอาการที่ไม่ตอบสนองกับวิธีการรักษาแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวัง TMS จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างละเอียดก่อนการเริ่มต้นการรักษา

แพทย์จำเป็นต้องตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย โดยเฉพาะการแพ้สนามแม่เหล็ก การใช้ยา และสภาพจิตใจของผู้ป่วย นอกจากนี้ การรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก ควรเริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

เพื่อลดข้อควรระวัง TMS และเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการรักษา ควรหลีกเลี่ยงการรักษาในผู้ป่วยที่มีประวัติการชัก ผู้ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีส่วนโลหะฝังในร่างกาย และผู้ที่มีความผิดปกติทางสมองบางประเภท

accompaniment abortion process Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

ประโยชน์ของการรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก

การรักษาด้วย Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) ไม่ได้ช่วยเพียงแค่การบรรเทาอาการต่างๆเท่านั้น แต่ยังให้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ในการรักษาโรคสมองอีกด้วย

การบรรเทาภาวะซึมเศร้า

หนึ่งในประโยชน์การรักษาด้วย TMS ที่สำคัญคือการบรรเทาภาวะซึมเศร้า การบำบัดนี้ช่วยกระตุ้นสมองซึ่งสามารถช่วยทำให้ผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้ารุนแรงฟื้นตัวและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาการใช้ยา

การรักษาโรคสมอง

TMS ถูกใช้ในการรักษาโรคสมองหลายอย่าง เช่น โรคพาร์กินสัน และโรคหลอดเลือดสมอง การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กสามารถปรับปรุงการเคลื่อนไหวและความจำของผู้ป่วยได้ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่มุ่งเน้นการขยายการใช้ TMS ให้ครอบคลุมความซับซ้อนของโรคทางจิตประสาทอื่นๆ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเข้ารับการรักษา

การเตรียมตัวสำหรับ TMS เริ่มต้นจากการประเมินสุขภาพทั่วไปและสภาพจิตใจของผู้ป่วย แพทย์จะทำการตรวจสอบประวัติการแพ้สนามแม่เหล็กและการใช้ยา ผู้ป่วยควรแจ้งข้อมูลให้แพทย์ทราบทุกครั้งเกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่และประวัติการรักษาต่าง ๆ

คำแนะนำในการเตรียมตัว

แพทย์อาจให้คำแนะนำก่อนการรักษาด้วย TMS เช่น การงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำก่อนการรักษาด้วย TMS นี้ รวมถึงควรพักผ่อนให้เพียงพอและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเข้ารับการรักษา ในการเตรียมตัวสำหรับ TMS ที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจมากขึ้นในกระบวนการรักษา

ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก

การรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก (TMS) มักจะพบผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงซึ่งสามารถหายได้เองหลังจากที่เสร็จสิ้นการรักษาไม่นาน

  • ปวดหัว: หนึ่งในผลข้างเคียงของ TMS ที่พบบ่อยที่สุดคือการปวดหัว ซึ่งมักจะเป็นอาการชั่วคราวและหายได้เองอย่างรวดเร็ว
  • เหนื่อยล้า: ผลกระทบจากการรักษาด้วยแม่เหล็กอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากการรักษา ควรพักผ่อนเพียงพอเพื่อฟื้นฟูพลังงาน
  • ปวดที่บริเวณที่เครื่องกระตุ้น: ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกปวดที่บริเวณที่เครื่องกระตุ้นสัมผัส แต่ความรู้สึกนี้จะหายไปหลังจากการรักษาสิ้นสุดลงไม่นาน

ในส่วนของผลกระทบจากการรักษาด้วยแม่เหล็กที่พบได้น้อยแต่มีความสำคัญ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษาเพื่อทำความเข้าใจถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

yingzhi 1 1 Prapatsorn Medical เครื่องมือกายภาพบำบัด และตรวจปอด

การรักษาโรคสมองด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กสำหรับผู้ป่วย

การรักษาโรคสมองด้วยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก (TMS) จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสม เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดี ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์และสื่อสารสิ่งที่รู้สึกให้แพทย์ทราบอย่างชัดเจน

การเตรียมความพร้อมของผู้ป่วย

การเตรียมความพร้อมของผู้ป่วย TMS เป็นสิ่งสำคัญ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงภาวะสุขภาพประวัติการรักษาและยาที่ใช้ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้ต่อไปอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานอาหารหรือการงดดื่มน้ำก่อนทำการรักษา

ขั้นตอนการรักษา

ขั้นตอนการรักษาด้วย TMS มีการดำเนินงานอย่างเป็นระเบียบ ทีมแพทย์จะทำการประเมินสภาพจิตใจและสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย จากนั้นจะเริ่มการรักษาโดยการกระตุ้นด้วยแม่เหล็ก ผู้ป่วยจะต้องสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของตนเองและรายงานให้แพทย์ทราบเพื่อปรับปรุงการรักษาให้เหมาะสม

สรุป

การรักษาด้วย Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาโรคสมองและความเสื่อมสภาพทางจิตในหลายกรณี เมื่อวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ.โดยการใช้สนามแม่เหล็ก เพื่อกระตุ้นกิจกรรมของเซลล์ประสาททำให้สามารถบรรเทาอาการซึมเศร้า และภาวะทางจิตอื่น ๆ ได้

หนึ่งในจุดเด่นของ TMS คือข้อดีที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องทำการส่งเสริมตัวยา ทำให้ผู้ป่วยหลายคนที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาได้รับประโยชน์จากการรักษานี้ อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการรักษาด้วย TMS จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากมีข้อห้ามและข้อควรระวังบางประการที่ต้องพิจารณา

ไม่ว่าเป้าหมายของการรักษาจะเป็นการบรรเทาภาวะซึมเศร้า หรือการรักษาโรคสมองก็ตาม การติดตามและปรับปรุงการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยย่อมเป็นปัจจัยที่สำคัญในการรับรองความสำเร็จของการรักษาด้วย TMS ดังนั้นจึงควรศึกษาและพิจารณาข้อมูลให้ครบถ้วนจากแพทย์ผู้ให้บริการก่อนการตัดสินใจเข้ารับการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้การกระตุ้นด้วยแม่เหล็กนี้จะได้รับผลประโยชน์สูงสุด

Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) เป็นเทคนิคการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดซึ่งใช้สนามแม่เหล็กเพื่อกระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง มักใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้าที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาหรือทางอื่นๆ

เครื่อง TMS จะสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าภายในสมอง ทำให้เกิดการกระตุ้นหรือยับยั้งการทำงานของเซลล์ประสาทในบริเวณที่เลือก เพื่อเป็นการรักษาอาการของโรคต่างๆ

 

TMS มักจะถูกใช้เป็นตัวเลือกการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่ดีขึ้นหลังจากทดลองใช้ยาหลายเจ้า โดยการนี้อาจช่วยจัดการกับโรคซึมเศร้า, โรคอารมณ์สองขั้ว และความผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมอง

ผู้ป่วยที่มีเครื่องช่วยอวัยวะที่มีส่วนประกอบของโลหะ, ผู้มีประวัติการชัก หรือผู้ที่มีแผ่นปรับรูปสมอง เช่น คลิปอุดเลือด, ห้ามใช้ TMS เนื่องจากความเสี่ยงในการก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ

ก่อนใช้การรักษาด้วย TMS แพทย์จำเป็นต้องตรวจสอบประวัติการแพ้สนามแม่เหล็ก, การใช้ยา และสภาพจิตใจของผู้ป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการประเมินสุขภาพทั่วไปและสภาพจิตใจ แพทย์อาจจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการรักษา และต้องแจ้งยาที่ใช้อยู่ให้แพทย์ทราบ

 

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการเข้ารับการรักษาด้วย TMS ได้แก่ ปวดหัว, เหนื่อยล้า, และปวดที่บริเวณที่เครื่องกระตุ้น ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหายไปเองหลังจากการรักษาไม่นาน

Related Posts

Cozen’s Test คืออะไร

April 18, 2025
รู้จัก Cozen’s Test การตรวจร่างกายที่ใช้วินิจฉัยภาวะข้อศอกเทนนิส (tennis elbow) พร้อมวิธีทำ การแปลผล และข้อมูลความแม่นยำทางคลินิก

Visual Analogue Scale (VAS)

April 18, 2025
เจาะลึก Visual Analogue Scale (VAS) เครื่องมือประเมินอาการปวดที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก พร้อมวิธีใช้ การให้คะแนน และข้อดี-ข้อจำกัดที่ควรรู้

Astar Thailand

April 12, 2025
Astar ผู้ผลิต เครื่องมือกายภาพบำบัดระดับโลก ได้จับมือกับ บริษัท ประภัสสร ในการทำตลาดในประเทศไทย